ราคาหัวหอมในอินเดียพุ่งสูงจนคนหลั่งน้ำตา
ราคาหัวหอมที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ต่อครัวเรือนและพฤติกรรมผู้บริโภค เนื่องจากในอาหารอินเดียตอนเหนือ หัวหอมถือเป็นส่วนผสมหลัก ที่ใช้ในการปรุงอาหาร และ ยังรับประทานในสลัดอีกด้วย
หัวหอมทำให้ผู้บริโภคน้ำตาซึม เมื่อราคามันพุ่งสูงขึ้น ปัจจุบันหัวหอมขายได้ประมาณ 70-80 รูปีต่อกิโลกรัม [ขึ้นอยู่กับพื้นที่]
ผักชนิดอื่นๆ ก็มีราคาสูงขึ้นเช่นกัน โดยต้นหอมขายได้ประมาณ 100 รูปีต่อกิโลกรัม ในขณะที่มะเขือเทศ ก็ขายได้ในราคาเดียวกัน นอกจากนี้ ราคาของมันฝรั่ง ก็เพิ่มขึ้นประมาณ 10 รูปีจากราคาเดิมที่ 25 รูปีต่อกิโลกรัม ในขณะที่พริกหยวก ขายได้ในราคาประมาณ 50 รูปีต่อกิโลกรัม
การที่หัวหอมราคาขึ้น ส่งผลให้ยอดขายหัวหอมลดลง รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าบางรายด้วย ประการแรก เราต้องซื้อหัวหอมในราคาที่สูงขึ้น และ ประการที่สอง ผู้คนไม่ซื้อหัวหอม ส่งผลให้เราต้องซื้อหัวหอมจำนวนมาก และ สุดท้ายพ่อค้าแม่ค้าก็ขาดทุน...
นอกจากนี้ ร้านอาหารเล็กๆหลายแห่งพบว่า ยากที่จะรับมือกับราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาดังกล่าวถูกนำไปใช้ในผัก แกง หรือ อาหารจีนเกือบทุกชนิด ที่พวกเขาปรุงและขาย ส่งผลให้กำไรของพวกเขาลดลง
คาดว่าราคาน่าจะลดลงหลังเทศกาล เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงวันหยุด ทำให้ห่วงโซ่อุปทานได้รับผลกระทบ แต่ราคากลับพุ่งสูงขึ้นแทนที่จะลดลง
แม่บ้านคนหนึ่งกล่าวว่า "การจัดการครัวกลายเป็นการต่อสู้ประจำวันไปแล้ว เพราะราคาผักที่สูงขึ้น ทำให้การใช้จ่ายงบประมาณครัวเรือน ไม่คุ้มค่าอีกต่อไป ไม่ใช่แค่การทำอาหารอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของการดำรงชีวิตในทุกมื้ออาหาร..."