'เจ๊พัช กฤษอนงค์'นักร้องเรียนสาวไม่ยอมกินอะไรหลังถูกจับ!
หลังจากตำรวจได้เข้าจับกุม 'เจ๊พัช กฤษอนงค์' สาวนักร้องเรียนเจ้าของคลิปเสียง ปมเรียกเงินดิไอคอน 20 ล้านตั้งแต่เมื่อวาน(16พ.ย.67) ปรากฏว่าวันนี้(17พ.ย.67)'เจ๊พัช'ไม่ทานอาหารจากตำรวจเลยทั้งมื้อเช้าและมื้อเที่ยง
เมื่อเวลา 12:07 ชายคนหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนสนิทของเจ๊พัชได้มาติดต่อขอเยี่ยมเจ๊พัชที่อาคารกองบังคับการปราบปราม พร้อมกาแฟ 2 แก้วและน้ำเปล่า 2 ขวด มามอบให้ โดยบอกกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ เพียงแค่ว่า ตนนำกาแฟมาเยี่ยม เพราะพัชกินแต่กาแฟ ไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ
ต่อมาเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง ชายคนดังกล่าวได้ออกมาคุยโทรศัพท์ข้างนอกก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับเข้าไปในห้องควบคุมตัวอีกรอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำแบบนี้ราว 2 ครั้งได้ ก่อนที่หลังจากนั้นจะมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งเดินเข้าไปในอาคารไปคุยกับชายคนดังกล่าว ประมาณ 5 นาทีเศษ โดยทั้งคู่พยายามที่จะหลบมุมผู้สื่อข่าวคุยบริเวณหลังฉาก ก่อนจะติดต่อกับตำรวจเพื่อขอเข้าไปในห้องควบคุมตัวอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 13:02 ชายคนดังกล่าวได้ออกมาจากห้องควบคุมตัว โดยพยายามที่จะเดินหลวสื่อมวลชน บรรดาสื่อจึงวิ่งเข้าไปสอบถามชายคนดังกล่าวตอบคำถามต่างๆของสื่อใจความว่า เจ๊พัชยังโอเคอยู่ครับและเครียดนิดหน่อยครับ และกล่าวว่าตนมาเยี่ยมเฉยๆไม่ใช่ทนายความจึงไม่ทราบเรื่องการต่อสู้และการประกันตัว เพียงแค่นำกาแฟมาเยี่ยมเพราะว่าเจ๊พัชกินข้าวไม่ได้
เมื่อชายคนดังกล่าวถูกถามถึงความสัมพันธ์กับเจ๊พัชก็ปฏิเสธว่ามีความสัมพันธ์แบบญาติ ผู้สื่อข่าวยังได้ถามอีกว่า ขณะที่จับกุมที่บ้านพัก ทราบเรื่องหรือไม่และทำไมถึงอยู่ที่บ้านเจ๊พัชขณะจับกุม ชายคนดังกล่าวก็บอกเพียงแค่ว่า "ครับ แค่นี้นะครับ" ก่อนจะเดินหนีไปพร้อมกับถุงกล่องข้าว 2 กล่องซึ่งตำรวจได้สั่งมาไว้เป็นมื้อเช้าและมื้อเที่ยง
สำหรับข้อหาและการจับกุมตัวเจ๊พัช กฤษอนงค์นั้น ตำรวจ บก.ปปป.ขออนุมัติกับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยมีฐานความผิด 2 ข้อหา คือ กรรโชกทรัพย์ และตัวกลางเรียกรับสินบน
สื่อโซเชียลได้ตั้งประเด็นที่น่าสนใจว่าเหตุใดจึงต้องขอหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงตั้งข้อสงสัยว่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมขบวนการด้วยหรือไม่ แล้วมองว่าเป็นการเรียกรับผลประโยชน์กันแบบเป็นขบวนการโดยมีผู้เสียหาย 89 คน และมีการติดต่อเรียกรับเรียกเงิน 8.3 ล้านจากบอสพอล ดิไอคอน ซึ่ซึ่งมีคลิปเสียงในการเจรจาด้วย
นอกจากนี้ตำรวจยังพบหลักฐานว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นตัวการตั้งกลุ่มไลน์ และมีเจ้าหน้าที่ เข้าไปร่วมแชทสนทนาซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์