ทนาย'บอสพอล'ยันไม่ได้จ้าง'ฟิล์ม'ทำPR!จ่อดำเนินคดี!

  ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง!! 'ทนายบอสพอล' ออกมายืนยันไม่ได้จ้าง'ฟิล์ม‘ทำ PR และคลิปเสียงไม่ได้ตัดต่อ แถมยังมีไฟล์เต็มและคลิปเสียงอีกไฟล์หนึ่งด้วย โดยบอสปันตั้งใจอัดเสียงเก็บเอาไว้เพราะรู้ว่า หนุ่ม กรรชัย ไม่เรียกเงิน

  หลังจากที่ 'หนุ่ม กรรชัย' ออกมาแฉถึงกรณีคลิปเสียงของศิลปินชายและนักร้องเรียนสาว โดยในบทสนทนาอ้างชื่อหนุ่ม กรรชัย เรียกเงิน 20 ล้าน แลกกับการไปออกรายการโหนกระแส ต่อมา ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้ออกมายอมรับว่า เป็นเสียงของตนจริงๆ แต่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นและคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อ พร้อมยืนยันว่าเป็นการคุยเรื่องงาน โปรโมตพีอาร์ด้วยงบ 20 ล้านเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการรีดทรัพย์

  ล่าสุด นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของเหล่าบอสจากดิไอคอน ได้เปิดเผยกับ 'อาร์ท เอกรัฐ' ว่า คลิปที่ หนุ่ม กรรชัย เปิด นั้นบอสปันตั้งใจอัดเสียงเอาไว้เพราะรู้ว่าการออกรายการโหนกระแสไม่น่าจะเสียเงินมากขนาดนี้ น่าจะไม่ต้องใช้เงิน และไม่เชื่อว่า หนุ่ม กรรชัยจะเรียกรับเงิน อีกทั้งความจริงบอสปันไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ถ้าต้องจ่าย 20 ล้านก็คงไม่มีให้

  ทนายความของเหล่าบอสยังกล่าวอีกว่าหลังดูฟิล์มออกมาแถลงข่าวก็รู้สึกขำดี ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นคลิปตัดต่อนั้นที่จริงเป็นคลิปยาวคลิปเดียว แต่ตัดสั้นๆ เป็น 2 คลิป จริงๆ ตนยังมีอีกคลิปที่ยังไม่ได้เปิดเผยซึ่งเป็นคลิปที่ 2 คนนั้นโทรมาด่าว่า อย่าไปออกรายการเดอะสแตนดาร์ด เพราะว่า คุณกันต์กำลังจะออกรายการกับพี่หนุ่มวันที่ 14 ต.ค.เลยขอให้มาออกโหนกระแสก่อน แต่ว่ากลางคืนวันที่ 13 ต.ค. หนุ่ม กรรชัย โทรมาหาก่อน เพราะทางบอสโทรไปคุยกับ หนุ่ม กรรชัย ก่อน เลยกลายเป็นว่าไม่มีการจ่ายเงินกัน อีกทั้งยังมีมีพยานเกี่ยวข้องหลายคน บุคคลภายนอกก็มี

  “บอสพอล” ยังฝากสารผ่านทางทนายความ วิงวอนสังคมให้เปิดใจให้เหล่าบอสได้ชี้แจงบ้าง พร้อมไปออกทุกรายการเพื่อชี้แจงให้สังคมเข้าใจอีกมุม

  ทนายวิฑูรย์ยังได้อ้างคำพูดของบอสพอลที่ฝากบอกว่า คดีนี้ต้นเหตุเริ่มจากช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงกรกฎาคมที่ผ่านมาที่เริ่มมีคนมาร้องเรียนผ่านนางสาวกฤษอนงค์ จากนั้นนางสาวกฤษอนงค์ก็เข้ามาคุยกับบอสพอลว่า มีผู้เสียหายจำนวน 83 คน จำนวนความเสียหาย 15 ล้านบาท มาร้อง หากเธอรับทำเคสนี้ จะมีการพาไปออกสื่อไปร้องหน่วยงานต่างๆ ทั้ง สคบ. บก.ปคบ. ซึ่งด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่องบอสพอลจึงยอมจ่ายไป จำนวน 8.3 ล้าน แบ่งเป็น จ่ายให้ผู้เสียหาย 7 ล้านกว่า และจ่ายค่าดำเนินการให้นางสาวกฤษณ์อนงค์ จำนวน 4.5 แสน โดยโอนเข้าบริษัทและอีก 3 แสนให้เป็นเงินสด เพื่อแลกกับขอให้เก็บรักษาความลับนี้ไว้ เพราะสิ่งที่บริษัทกลัวคือ การไปแจ้งกับคนอื่นๆ แล้วมาเรียกร้องกับบริษัทอีก เพราะคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่มที่ได้ของไปแล้วไม่รู้ว่าขายไม่ได้หรือไม่ได้ขาย

  แต่หลังจากที่กลุ่มคนนี้ได้รับเงินแล้วก็ไปปล่อยข่าวในเพจผีและเริ่มโจมตีบริษัทดิไอคอนในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน ว่าบริษัทเคยจ่ายเงินให้กับผู้เสียหายมาแล้ว ทำให้ผู้เสียหายคนอื่นไปร้องกับบริษัทของนางสาวกฤษอนงค์ และทนายความคนอื่นๆ ตามที่ปรากฏในสื่อในช่วงนั้น

  ต่อมาเหตุการณ์เริ่มบานปลายเพราะบริษัทไม่ต้องการที่จะจ่ายเงินอีกแล้ว ทำให้ช่วงกันยายนและตุลาคม มีผู้เสียหายไปร้องที่ตำรวจสอบสวนกลางจนเป็นประเด็นไปถึงรายการโหนกระแส และกลายเป็นที่มาของคลิปเรียกเงิน 20 ล้าน ระหว่างนั้นก็มีการปล่อยข่าวปลอมมาตลอด และสินค้าไม่มีในโกดัง

  นายวิฑูรย์กล่าวว่า วันที่ ‘บอสปัน’ ไปหานางสาวกฤษณ์อนงค์ที่บริษัท วันนั้นมีเลขาไปด้วยสองคนคือ ซึ่งวันนั้นนางสาวกฤษอนงค์ได้โทรศัพท์ไปหาฟิล์ม ช่วงประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 9 ต่อเนื่องวันที่ 10 ตุลาคม ว่า จะพาไปออกโหนกระแส ในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม และคืนนั้นนางสาวกฤษอนงค์บอกกับ ‘บอสปัน’ ว่า วันที่ 10 จะพาผู้เสียหายไปร้องที่ สคบ. เพื่อเปลี่ยนทิศทางคดี

  บอสพอลยังกล่าวอีกว่าพฤติกรรมของนางกฤษณ์อนงค์และฟิล์มที่ทำเหมือนจะหวังดีโดยมีผู้เสียหาย และดิไอคอนไม่ใช่ที่แรกที่เจอพฤติกรรมแบบนี้ เพราะฉะนั้นใครที่เคยโดนเหมือนกับดิไอคอนขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ได้กับตำรวจ

  นายวิฑูรย์ ทนายของบอสพอล กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่กลายเป็นคดีเพราะเป็นการปั่นพยานเท็จของนายเอกภพจากสายไหมต้องรอด ที่ปั้นพยานเท็จให้ข้อมูลกับตำรวจเรื่องเงินคริปโต กว่า 8 พันล้าน และมีการจ่ายเงินให้กับ'เทวดา' พร้อมพยายามโยงให้เกี่ยวข้องกับนักการเมืองแต่สุดท้ายก็ไม่ได้จ่ายสินบนให้กับหน่วยงานใด จึงอยากถามนายเอกภพว่าจะรับผิดชอบชีวิตของเหล่าบอสและหน่วยงานที่ถูกกล่าวอ้างอย่างไรในประเด็นที่ถูกสร้างพยานเท็จ

  ทนายวิฑูรย์ ยังบอกอีกว่า คดีของดิไอคอนกรุ๊ปเกิดจากกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์แล้วมาเล่นงานบริษัท ส่วนที่มีผู้แจ้งความจำนวนมากส่วนหนึ่งก็มองว่าเป็นเพราะผู้เสียหายอุปทานหมู่ พอเห็นข่าวแล้วเห็นว่าตัวเองก็เคยซื้อของกับดิไอคอน ก็อาจเสงสัยและเข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้เสียหาย สมาชิกทั้งหมดของดิไอคอนกรุ๊ปมีมากกว่า 300,000 คน แต่พบว่ายอดแจ้งความมีประมาณกว่า 10,000 คน ยังไม่ถึง 2% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดด้วยซ้ำ

  ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีในข้อเท็จจริงและของพยานหลักฐาน ทนายบอสพอลมั่นใจว่าจะชนะคดี แต่การที่ฝั่งของตัวเองถูกจำคุกทำให้การทำงานลำบากในการพูดคุยกับผู้ต้องหา และรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อมูลที่

  ส่วนเงินส่วนเงินที่จ่ายให้ทนายตั้ม ก็ไม่ชัดเจนว่าเป็นการตบทรัพย์ เพราะเกิดหลังจากที่ผู้ต้องหาเข้าแจ้งความแล้ว เมื่อทนายบอสพอลถูกถามว่าบอสพอลได้เจอกับทนายตั้มในเรือนจำหรือไม่ ทนายบอกว่า ไม่ได้สอบถามเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าน่าจะเจอกันบ้างในช่วงทานอาหาร

  สรูปแล้ว “บอสกันต์” ก็ได้บอกผ่านทนายว่าไม่เคยติดต่อ “ฟิล์ม” มีแต่ติดต่อไปหาคุณพลอยแค่ให้กำลังใจเท่านั้นและไม่เคยคิดจะไปออกรายการโหนกระแส

  บอสพอลยืนยันว่าดิไอคอนกรุ๊ปไม่เคยจ้างงาน “เจ๊พัช- ฟิล์ม” ทำพีอาร์ แต่อย่างใด แต่ทางทนายเองก็เตรียมดำเนินคดีนักร้องเรียนสาวกฤษอนงค์และฟิล์มในข้อหา ’พยายามฉ้อโกง‘