พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง ที่ได้วางเป้าหมายไว้เป็นบันได 5 ขั้น
“ผมไม่เคยกลัวอิทธิพลอะไรและไม่อยู่ใต้อิทธิพลอะไรทั้งนั้น มิฉะนั้น ผมคงไม่สามาถดำเนินการในเรื่องต่างๆ ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมาได้ ผมทํางานในทางการเมืองมา 30 ปี ไม่เคยกลัวอะไร และไม่เคยมีผลประโยชน์ส่วนตัว ผมทําทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติบ้านเมืองเท่านั้น” หนึ่งในคำกล่าวกล่าวของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หลังทำงานครบ 1 ปี
ภายหลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็สร้างความหวังใหม่ให้กับคนไทยด้วยนโยบาย รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง สังคายนาโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ
และในโอกาสครบ 1 ปี จึงถือโอกาสบอกเล่าการทำงานโดยสรุปว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปแล้ว และกำลังทำอะไรอยู่ แล้วจะต้องทำอะไรต่อไป เพื่อให้ประเทศก้าวสู่ความมั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืนด้านพลังงาน ตามแนวทาง รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง ที่ได้วางเป้าหมายไว้เป็นบันได 5 ขั้น
.....................................................................................
:: ขั้นที่ 1 ตรึงราคาพลังงาน ::
สำหรับ ‘บันไดขั้นที่ 1’ ซึ่งเป็นช่วง 6 เดือนแรกที่เข้ามากำกับดูแลกระทรวงพลังงาน ได้เร่งแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ด้วยการตรึงราคาพลังงานเชื้อเพลิง ทั้งค่าไฟฟ้า น้ำมัน และก๊าซหุงต้ม ขณะเดียวกัน ก็เตรียมหาช่องทางที่จะรื้อระบบพลังงาน เพื่อแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานานไม่ต่ำกว่า 40 ปี โดยเฉพาะปัญหาเรื่องน้ำมัน โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนแรก ในการศึกษาปัญหาและค้นหาวิธีการที่จะรู้ต้นทุนราคาน้ำมันที่กระทรวงพลังงานไม่เคยรู้ และทุกฝ่ายบอกว่าทำไม่ได้ เพราะไม่มีอํานาจ และการจะมีอํานาจก็ต้องแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ
.....................................................................................
:: ขั้นที่ 2 แก้กฎหมายราคาน้ำมัน ::
หลังจากได้ศึกษากฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด เพื่อให้รู้ต้นทุนราคาน้ำมัน จนพบช่องทางที่แฝงอยู่ในกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบัน นำมาสู่การดำเนินงาน ‘บันไดขั้นที่ 2’ คือ การออกประกาศกระทรวงพลังงาน กําหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุนราคาน้ำมัน เป็นครั้งแรกในรอบ 51 ปี โดยลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
.....................................................................................
:: ขั้นที่ 3 รื้อระบบการค้าน้ำมัน ::
การรู้ต้นทุนราคาน้ำมัน ทำให้รู้ปัญหาที่จะต้องแก้ไข และนำไปดำเนินการต่อใน ‘บันไดขั้นที่ 3’ คือ การรื้อระบบการค้าน้ำมัน ซึ่งต้องรวบรวมข้อมูลมากมาย เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการและการยกร่างกฎหมายใหม่ให้ครบวงจรตามเป้าหมาย และตอนนี้ได้ยกร่างต้นฉบับกฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมันซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของ “บันไดขั้นที่ 5” เสร็จแล้ว ต้นร่างมีทั้งหมด 180 มาตรา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและพลังงาน โดยกฎหมายฉบับนี้จะกำหนดให้การปรับราคาน้ำมันทำได้เดือนละหนึ่งครั้ง ไม่ใช่ปรับทุกวัน และให้ปรับราคาได้ตามความเป็นจริงของต้นทุนน้ำมัน โดยจะนำระบบ Cost Plus ซึ่งหมายถึงระบบที่คิดราคาตามต้นทุนที่แท้จริง เข้าใช้แทนการอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ และมีอีกหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน กฎหมายฉบับนี้จะดูแลไปถึงเรื่องของการจำหน่ายก๊าซหุงต้มด้วย
อีกเรื่องที่จะกำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้ก็คือ การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสาธารณะกุศล รวมไปถึงสหกรณ์การเกษตร การประมง สามารถจัดหาน้ำมันมาใช้ได้เอง เพราะนี่คือการค้าเสรีอย่างแท้จริง ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีในการหาพลังงานของตัวเอง ถ้าหากผู้ประกอบการสามารถจัดหาน้ำมันมาใช้เองได้ในราคาที่ถูกกว่าราคาจำหน่ายหน้าปั๊ม ก็ให้ทำได้เลย จะทำให้ต้นทุนน้ำมันของเกษตรกร ชาวประมง ผู้ประกอบการขนส่งลดลงได้ทันที เมื่อผู้ประกอบการสามารถหาน้ำมันมาเองได้ในราคาถูก และไม่ต้องมาเสีย VAT 2 ช่วง ต้นทุนของผู้ประกอบการในเรื่องน้ำมันก็จะลดลง และเมื่อลดภาระเรื่องราคาน้ำมันแล้ว ก็ต้องลดราคาสินค้าให้ประชาชนด้วย นอกจากนั้น ยังจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในเรื่องราคาน้ำมันด้วย
“กฎหมายฉบับนี้ ผมร่างเองทั้งหมด เริ่มทำตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 หลังจากที่ได้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับต้นทุนราคาน้ำมัน ซึ่งผมใช้เวลาเที่ยงคืนถึงตี 3 แทบทุกคืน เพื่อร่างกฎหมายฉบับนี้” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าว
.....................................................................................
:: ขั้นที่ 4 ปรับระบบสำรองน้ำมัน ::
มาถึง ‘บันไดขั้นที่ 4’ ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการในขณะนี้ คือ การจัดทำระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือ SPR (Strategic Petroleum Reserve) โดยจะนำระบบนี้มารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่รัฐบาลสามารถควบคุมราคาได้เอง โดยกำลังจัดเตรียมร่างกฎหมายเกี่ยวกับการสํารองน้ำมันของประเทศ ซึ่งจะนำน้ำมันสำรองนี้ มาดูแลปัญหาราคาน้ำมันแทนกองทุนน้ำมันฯ
“ผมจะเปลี่ยนกองทุนน้ำมันฯ ที่ใช้เงินและสร้างหนี้สาธารณะ ให้กลายมาเป็นทรัพย์สินของประเทศ ต่อไปกองทุนน้ำมันฯ ที่มีน้ำมันสํารองของประเทศ จะเป็นทรัพย์สินของประเทศ ไม่ใช่ภาระหนี้สินอีกต่อไป ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มต้นทำเรื่องนี้แล้ว และเป็นที่น่ายินดีที่ผมนำเรื่องนี้หารือกับทางซาอุดิอาระเบียในช่วงที่เดินทางไปประชุม ทางซาอุฯ เขาเห็นด้วยในหลักการที่จะสนับสนุน พร้อมๆ กับเรื่องการลงทุนด้านการผลิตไฮโดรเจนที่จะเป็นพลังงานแห่งอนาคตอีกอย่างหนึ่ง”
.....................................................................................
:: ขั้นที่ 5 สร้างพลังงานยุคใหม่ ::
ปัจจุบันกำลังเดินหน้าสู่ ‘บันไดขั้นที่ 5’ นั่นคือ การออกกฎหมายสร้างระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ และกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งเพิ่มกฎหมายอีกหนึ่งฉบับคือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนอย่างยั่งยืน
“