"ไอ้แขก"ขืนใจลูกในไส้!อ้างไม่ใช่ลูกแท้ๆ!

  สลด! พ่อขืนใจลูกในไส้ที่อายุต่ำกว่า 13 ปี อ้างไม่เชื่อว่าเป็นลูกตนเอง

  ตำรวจนครบาลจับกุมตัว นายสรณคม หรือแขก สงวนนามสกุล อายุ 36 บุคคลตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1042/2567 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” โดยสถานที่จับกุมคือบริเวณห้องเช่า ซอยสุวินทวงศ 13 แยก 19 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

   เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่ไม่มีใครอยู่บ้านจากที่ปกติอาศัยอยู่ด้วยกัน 10 คน มีเพียงเด็กผู้เสียหายและนายสรณคมฯ นายสรณคมฯ ได้เรียกเด็กผู้เสียหายเข้ามาในห้องซึ่งอยู่ชั้น 1 จากนั้นก็ล็อคห้องและชวนคุย จากนั้นก็เอามือจับหน้าอกและล่วงเกินเด็กผู้เสียหาย แม้เด็กพยายามขัดขืนแต่สู้แรงไม่ได้ พอได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ของป้าเด็กผู้เสียหายจึงสะบัดตัวหนีวิ่งออกจากห้องไปบอกกับป้า ป้าจึงบอกกับนายสรณคมฯว่าไม่ให้มายุ่งกับเด็กอีก

  ต่อมา วันที่ 14 พ.ค. 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. นายสรณคมฯก็ขึ้นมามาที่ห้องของเด็กผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ชั้น 2 และชวนเด็กผู้เสียหาย จากนั้นเด็กเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมา พบว่าถูกถอดเสื้อผ้าและรู้สึกเจ็บที่อวัยวะจึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีจนถึงที่สุด

  หลังจากการจับกุม นายสรณคมฯ ให้การว่าตนมีอะไรกับเด็กผู้เสียหายจริง อ้างว่ามีความรักต่อเด็ก และมีความสัมพันธ์กันประมาณ 1- 2 ปี อ้างว่าเด็กผู้เสียหายเป็นลูกติดจากภรรยาเก่า และปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกของตน ตนเพียงแค่รับเป็นพ่อเท่านั้นเพราะตนเชื่อว่าภรรยา(แม่ของเด็กผู้เสียหาย)ไปท้องกับคนอื่น ต่อมาตนได้เลิกรากัน และได้มีภรรยาใหม่มีลูกด้วยกัน 3 คน เมื่อลูกสาวคนเล็กกับภรรยาใหม่อายุได้ 2 ขวบ ได้รับเด็กผู้เสียหายมาอยู่กับครอบครัวใหม่เพื่อให้มาช่วยเลี้ยงลูกสาวคนเล็กของภรรยาใหม่ เมื่ออยู่ด้วยกันได้แอบคบหากันมาจนบัดนั้นเป็นต้นมาโดยที่ภรรยาใหม่ไม่รู้

  จากการซักถามผู้ต้องหาให้การวกวนพบพิรุธหลายประการ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของตัวผู้ต้องหา พบคลิปวีดีโอขณะล่วงเกินจำนวนหลายคลิป และมีลูกสาวคนเล็กของภรรยาใหม่ปรากฎในคลิปด้วย ทั้งยังมีภาพและวิดีโอโป๊เปลือยจำนวนมาก เป็นต้น หนำซ้ำยังพบการส่งวิดีโอคลิปให้กับบุคคลอื่นในช่องทางแชทเฟซบุ๊คอีกด้วย

  จากการซักถามพบว่าผู้ต้องหาจับได้ว่าเด็กผู้เสียหายเริ่มคบหาเพื่อนชายในวัยเดียวกัน พอแอบดูแชทเฟซบุ๊คระหว่างเด็กผู้เสียหายและเพื่อนชายจึงโมโห จึงส่งภาพและคลิปวีดีโอให้เพื่อนชายคนดังกล่าวจำนวนหลายครั้ง ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมยังพบวีดีโอคลิปขณะที่ผู้ต้องหาบังคับให้เด็กผู้เสียหายขอโทษและกราบเท้าตน

  เมื่อแม่ของเด็กผู้เสียหายทราบเรื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กล่าวว่าได้เลิกรากับผู้ต้องหามาหลายปี ไม่คิดว่าผู้ต้องหาจะทำกับลูกสาวตนได้ถึงเพียงนี้ เพราะลูกสาวไม่เคยบอกตนเลยสักครั้งจนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นถึงเพิ่งทราบเรื่องทั้งหมด และได้ประสานกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีต่อมา และแม่ของเด็กผู้เสียหายยินดีที่จะตรวจ DNA เพราะไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ตัวผู้ต้องหากล่าว และยังบอกว่าตัวผู้ต้องหามักจะเป็นคนดื่มสุราเป็นประตำและชอบโกหกเสมอๆ จึงตัดสินใจเลิกราแต่ครั้งนั้นมา จากนั้นตำรวจก็ได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง สน.หนองจอก ดำเนินคดีต่อไป