ชาวอัฟกันทั้งมีความหวังและผิดหวัง หลังรัสเซียยอมรับกลุ่มตาลีบัน
การตัดสินใจของรัสเซียที่ให้การรับรองรัฐบาลตาลีบันอย่างเป็นทางการ ถูกมองว่าเป็นโอกาสที่ทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สำหรับชาวอัฟกานิสถานบางกลุ่ม ในขณะที่บางกลุ่มก็สงสัยว่า การกระทำดังกล่าวจะช่วยปรับปรุงชีวิต ของพวกเขาได้หรือไม่?
รัสเซียกลายเป็นประเทศแรก ที่ยอมรับเจ้าหน้าที่ตาลีบันเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา [ตามเวลาท้องถิ่น] หลังจากความสัมพันธ์ค่อยๆพัฒนาไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งรวมถึงการถอนตัวจากสถานะ "องค์กรก่อการร้าย" และ การรับเอกอัครราชทูตเข้ามาแทนที่ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทางการตาลีบันไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐใดเลย ในช่วงเกือบ 4 ปีนับตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจในปี 2021 โดยขับไล่รัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติออกไป ในขณะที่กองทหารที่นำโดยอเมริกา ก็ถอนกำลังออกไปหลังจากสงคราม ที่ดำเนินมานาน 2 ทศวรรษ
อัฟกานิสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก และ อยู่ในช่วงฟื้นตัวจากความขัดแย้งที่ยาวนานกว่า 4 ทศวรรษ
"กูล โมฮัมหมัด" ชาวบ้านกรุงคาบูล วัย 58 กล่าวว่า "สถานการณ์ในอัฟกานิสถานตอนนี้ เต็มไปด้วยความท้าทายมากมาย ทุกคนต่างวิตกกังวล หากโลกยอมรับอัฟกานิสถาน เราก็จะมีความสุข แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่สุดก็มีความสำคัญ"
แม้จะมีความทรงจำอันขมขื่น จากการรุกรานอัฟกานิสถานของโซเวียต ในปี 1979 ซึ่งทำให้ "กูล โมฮัมหมัด" สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และ กลายเป็นผู้ลี้ภัยในปากีสถาน แต่เขาก็ยอมรับว่า "ลำดับความสำคัญเปลี่ยนไปแล้ว..."
"จามาลุดดิน ซายาร์" ชาวบ้านวัย 67 ปี กล่าวว่า "การค้าและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ กำลังจะเบ่งบาน..."
นักบินที่เกษียณอายุแล้ว กล่าวว่า "ประเทศอื่นๆ ทั้งตะวันตกและตะวันออก ควรยอมรับรัฐบาล" และ "หยุดเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อได้แล้ว!!"
เจ้าหน้าที่รัสเซียและอัฟกานิสถาน กล่าวชื่นชมการเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็น "การเปิดโอกาสความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง"
ความกังวลด้านความปลอดภัย ถือเป็นช่องทางสำคัญสำหรับการประสานงาน ระหว่างทางการตาลีบันและชุมชนระหว่างประเทศ ท่ามกลางความหวาดกลัวว่าอัฟกานิสถาน อาจกลายเป็นพื้นที่ที่มีแนวโน้ม ที่จะเกิดกิจกรรมของกลุ่มก่อการร้ายเพิ่มมากขึ้น
ทางการได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก และ ให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า "จะไม่มีกลุ่มใดนำดินแดนอัฟกานิสถาน มาใช้วางแผนโจมตีประเทศอื่นอีกต่อไปแล้ว"
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานกับทางการตาลีบัน ตึงเครียดเนื่องจากกลุ่มก่อการร้ายเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปากีสถานเข้ายึดอำนาจ และ เมื่อปีที่แล้ว ก็เกิดการโจมตีที่สาขาของกลุ่มไอซิสในอัฟกานิสถาน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 137 ราย ที่หอแสดงคอนเสิร์ต ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย
ในประเทศที่การประท้วงและการไม่เห็นด้วย ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ชาวกรุงคาบูลบางส่วนไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ทางการตาลีบันอย่างเปิดเผย
"อาเตฟ" กล่าวว่า "ผมไม่เชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดี ของอัฟกานิสถานกับรัสเซีย จะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของ ชาวอัฟกานิสถานทั่วไปดีขึ้น..."
ชายว่างงาน วัย 25 ปี กล่าวว่า "ผมคิดว่าอัฟกานิสถาน จะตกอยู่ในกับดักของรัสเซียอีกครั้ง" และ "ปัญหากับความท้าทายจะเพิ่มมากขึ้น" และ "คนรวยจะรวยขึ้น แต่คนจนจะจนลงยิ่งกว่าเก่า"
นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีชาวอัฟกานิสถาน กล่าวว่า "รัฐบาลนี้และรัสเซีย ทำให้สตรีถูกจำกัด ในฐานะทางสังคม เนื่องจากพวกเขาเหยียดและกดขี่ผู้หญิง..."

















