"กองสรรพาวุธ" ทำหนังสือแจง ยันไม่เคยจัดซื้อ แผ่นเกราะกันกระสุน ใช้ไม้อัด มีการทดสอบ หลังเพจดังแฉ
พล.ต.ต.นิรันดร ศิริสังข์ไชย ผู้บังคับการกองสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานแห่งชาติ ได้ชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏทางสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโพสต์ข้อความรูปภาพ วัสดุภายในเสื้อเกราะ และ มีตราสัญลักษณ์คล้าย ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีลักษณะคล้ายไม้และตำหนิว่าวัสดุไม่มีประสิทธิภาพนั้น กองสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบแล้ว ขอชี้แจงว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เคยมีการจัดซื้อเสื้อเกราะหรือแผ่นเกราะป้องกันกระสุนที่ใช้แผ่นไม้เป็นวัสดุป้องกันกระสุนแต่อย่างใด ขั้นตอนการจัดซื้อการตรวจรับ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีการทดสอบตามมาตรฐานสากล NU และมีการรับประกันเสื้อเกราะทุกตัว หากมีผู้สวมใส่และปฏิบัติหน้าที่แล้วได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตที่กระสุนที่ทะลุผ่านแผ่นเกราะ
อย่างไรก็ตาม หากมีข้าราชการตำรวจหรือหน่วยงานใด ตรวจสอบเสื้อเกราะที่มีลักษณะดังกล่าว หรือมีความสงสัยไม่มั่นใจในคุณภาพ สามารถนำมาทดสอบได้ที่ กองสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน นอกจากนี้สถานีตำรวจภูธรสว่างแดนดิน ได้มีการชี้แจงเรื่องนี้ว่า ตามที่ปรากฎในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เพจเฟซบุ๊กที่โพสต์รูปภาพวัสดุภายในเสื้อเกราะมีลักษณะตราคล้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโพสต์ข้อความเชิงตำหนิวัสดุ อุปกรณ์ชิ้นดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ
สถานีตำรวจภูธรสว่างแดนดิน ได้พิสูจน์ทราบ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ พบว่า คือ ส.ต.อ. คนหนึ่งตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม ซึ่งเป็นตำรวจในสังกัด สภ.สว่างแดนดิน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสว่างแดนดิน จึงสั่งให้ ส.ต.อ. คนดังกล่าวรายงานชี้แจงตามลำดับขั้น และให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงประกอบ สถานีตำรวจภูธรสว่างแดนดิน จึงขอชี้แจงรายละเอียด ดังต่อไปนี้
1. ข้อความ รูปภาพแผ่นเกราะ จากโพสต์ดังกล่าว ไม่มีอุปกรณ์ชึ่งเบิกจาก สถานีตำรวจภูธรสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร แต่อย่างใด ซึ่งได้รับการส่งต่อรูปภาพกันมาหลายทอด ไม่ทราบถึงที่มาของข้อมูล ไม่ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องน่าเชื่อถือ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อหน่วยงานหรือบุคคลอื่นได้
2.โพสต์ดังกล่าว ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดนั้น กระทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และขาดการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ได้มีเจตนาทำให้เกิดผลเสียต่อหน่วยงานราชการ หรือ บุคคลอื่นแต่อย่างใด
3.ผู้บังคับบัญชา ได้ให้ชี้แจงข้อเท็จจริง ตามลำดับขั้น และได้พิจารณาแล้วว่าได้กระทำการอันเป็นเหตุให้เสียหายต่อราชการ อันเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง รับสารภาพ จึงได้ลงโทษว่ากล่าวตักเตือน