จากแบบสำรวจพบว่า คนญี่ปุ่นมีแผนใช้เงินช่วงซัมเมอร์ลดลง ทั้งๆที่รายได้เพิ่มขึ้น
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (21 กรกฏาคม 2567) ว่าผลสำรวจจากอินเทจ อิงก์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดของญี่ปุ่น พบว่า ประชาชนในประเทศมีแผนใช้จ่ายเงินสำหรับวันหยุดฤดูร้อนเฉลี่ย 58,561 เยนหรือประมาณ 13,400 บาท ลดลง 2.6% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี เพราะราคาสินค้าบริการที่สูงขึ้น และค่าเงินเยนอ่อนตัว ซึ่งตัวเลขที่ลดลงสวนทางกับค่าจ้างในกลุ่มบริษัทรายใหญ่ที่เพิ่มขึ้น และการลดภาษีอัตราคงที่ เมื่อเดือนมิ.ย. ที่่ผ่านมา
โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 51.5% เลือกที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายสำหรับวันหยุดฤดูร้อน เนื่องจากต้นทุนที่สูงและค่าเงินเยนอ่อนตัว ขณะที่ 69.6% ของกลุ่มตัวอย่าง มองว่าปัจจัยสองอย่างนี้ส่งผลกระทบอย่างมากหรือส่งผลกระทบบางส่วนต่อแผนการพักผ่อนช่วงวันหยุดฤดูร้อนของพวกเขา ทั้งนี้ รายงานระบุว่าเหตุผลการลดค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อนส่วนใหญ่ ได้แก่ ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน 35.2% ตามด้วยค่าไฟและค่าก๊าซแพงขึ้น 33.1% สำหรับแผนการพักผ่อน 36.9% เผยว่าจะใช้เวลาอยู่ที่บ้าน 19.1% วางแผนเดินทางภายในประเทศและพักค้างคืน
18.5% เลือกชอปปิงหรือรับประทานอาหารนอกบ้าน และ 12.9% จะไปเยี่ยมครอบครัว โดยมีเพียง 2.1% ที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ ด้วยค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 443,058 เยนหรือประมาณ 102,000 บาท ซึ่งลดลงจากปีก่อนราว 13.8%
ขณะเดียวกัน มีผู้ตอบแบบสำรวจ 26.9% ซึ่งมีแผนการเพิ่มค่าใช้จ่ายสำหรับวันหยุดฤดูร้อน โดยจุดหมายในเอเชียได้รับความนิยมมาก ขึ้นเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับยุโรป และอาจเป็นเพราะค่าเงินเยนอ่อนตัว โดยผลสำรวจดังกล่าวจัดทำระหว่างวันที่ 27 มิ.ย.-1 ก.ค. ที่ผ่านมา ครอบคลุมผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งมีอายุ 15-79 ปี รวมกันเป็นจำนวน 5,000 คน