คอนเฟิร์มแรง! สรัยดึก – ดวงซอมเนียง ตุย ฮุนเซน ไม่กล้าปริปาก
สั่นสะเทือนกองทัพกัมพูชา! คอนเฟิร์มแล้ว "สรัย ดึก – ดวง ซอมเนียง" นายทหารคนสนิทฮุนเซน เสียชีวิต เหตุโดนโจมตีด้วย F-16 ชายแดนไทย–กัมพูชา ขณะฮุนเซน–ฮุน มาเน็ต ไม่ปรากฏตัวในงานศพ
เกิดกระแสข่าวใหญ่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งในกัมพูชาและภูมิภาค เมื่อมีการยืนยันจากหลายเพจด้านความมั่นคง ว่า พลเอกสรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ของกัมพูชา พร้อมด้วย พลตรีดวง ซอมเนียง นายทหารใกล้ชิดคนสำคัญของอดีตนายกรัฐมนตรี สมเด็จฮุนเซน ได้เสียชีวิตแล้วจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568
สาเหตุของการเสียชีวิตถูกระบุว่า มาจากการโจมตีทางอากาศโดยเครื่องบินรบ F-16 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เพียงสะเทือนต่อกองทัพกัมพูชา แต่ยังทำให้เกิดคำถามต่อสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนเสถียรภาพทางการเมืองของกัมพูชาเอง
การยืนยันข่าวจากหลายแหล่ง
เพจ Army Military Force ได้โพสต์เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 โดยระบุข้อความชัดเจนว่า
“พลตรีดวง ซอมเนียง – พลเอกสรัย ดึก สถานะปัจจุบัน เป็นปุ๋ยทั้งคู่”
แม้ข้อความจะใช้ถ้อยคำรุนแรง แต่เนื้อหาชี้ชัดว่า มีการยืนยันการเสียชีวิตของทั้งสองนายทหารแล้วจริง
ต่อมา เพจ กองทัพบก ทันกระแส ก็ได้เผยแพร่ข้อความพร้อมรูปภาพสนับสนุน โดยระบุว่า
“เสียหน้าไม่ได้…แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ให้ข้อมูลว่า พลเอกสรัย ดึก รอง ผบ.ทบ./ผบ.พล.สสน.3 เสียชีวิตแล้ว ขณะไปตรวจแนวรบเจอไข่ F-16 ลงพอดี จัดงานศพแบบปกปิด และกัมพูชาปิดข่าว เพราะไม่อยากให้ทหารตนเสียขวัญ”
การที่มีการเปิดเผยเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นว่า แม้กัมพูชาจะพยายามควบคุมข่าวสาร แต่ข้อมูลก็ยังเล็ดลอดออกมาจนกลายเป็นกระแสสังคมออนไลน์ที่ยากจะปิดบังได้
ใครคือ "สรัย ดึก" และ "ดวง ซอมเนียง"?
พลเอกสรัย ดึก ถือเป็นหนึ่งในนายทหารระดับสูงที่มีบทบาทสำคัญในกองทัพกัมพูชา โดยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก และยังควบตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 (พล.สสน.3) ซึ่งเป็นหน่วยรบหลักที่มีอิทธิพลทางการเมืองและการทหาร
พลตรีดวง ซอมเนียง ก็เป็นนายทหารอีกคนที่ใกล้ชิดกับฮุนเซนมายาวนาน และมีชื่อเสียงด้านการประสานงานกับฝ่ายการเมือง
ทั้งสองคนไม่ใช่เพียงทหารธรรมดา แต่เป็น “มือขวา” และ “กลไกสำคัญ” ในการรักษาอำนาจและเสถียรภาพของกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนตระกูลฮุน
งานศพที่ไร้เงาฮุนเซนและฮุน มาเน็ต
สิ่งที่สร้างความประหลาดใจไปพร้อม ๆ กันก็คือ การจัดงานศพของพลเอกสรัย ดึก และพลตรีดวง ซอมเนียง กลับไม่มีการปรากฏตัวของทั้ง สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดของกัมพูชา และ พลเอกฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า การไม่เข้าร่วมอาจมีเหตุผลทางการเมืองและความมั่นคง เนื่องจากการปรากฏตัวของสองผู้นำอาจนำไปสู่การตีความทางการทูตที่ซับซ้อน หรืออาจมีความกังวลด้านความปลอดภัยในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนยังคุกรุ่น
การปิดข่าวเพื่อรักษาขวัญกำลังใจ
กองทัพกัมพูชาถูกมองว่าพยายาม “ปิดข่าว” และไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนักเกี่ยวกับการเสียชีวิตของสองนายทหารระดับสูงครั้งนี้ เหตุผลหลักคือ เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารระดับล่างสูญเสียขวัญกำลังใจ และเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลในสายตาประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ข้อมูลไหลเวียนอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย การปิดบังเช่นนี้กลับยิ่งสร้างกระแสสงสัย และทำให้ข่าวแพร่กระจายออกไปยิ่งกว่าเดิม
F-16: อาวุธร้ายที่เปลี่ยนเกม
เครื่องบินรบ F-16 Fighting Falcon ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่ที่มีสมรรถนะสูง สามารถโจมตีได้ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน การที่มีรายงานว่าการเสียชีวิตของพลเอกสรัย ดึก มาจากการถูกโจมตีด้วย F-16 นั้น ย่อมทำให้เกิดข้อกังวลว่า ใครเป็นฝ่ายใช้กำลัง? และการปะทะที่ชายแดนครั้งนี้มีขอบเขตและเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า F-16 ที่ถูกกล่าวถึงนั้นเป็นของฝ่ายใด แต่แหล่งข่าวบางแห่งเชื่อมโยงไปถึงกองทัพไทย เนื่องจากพื้นที่ปะทะอยู่บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเป็นจุดที่ทั้งสองประเทศเคยมีความขัดแย้งมาแล้วหลายครั้งในอดีต โดยเฉพาะประเด็นพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร
มิติทางการเมืองและการทูต
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อกองทัพกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังมีนัยสำคัญต่อการเมืองภายในประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
1. ภายในกัมพูชา – การเสียชีวิตของนายทหารคนสนิทฮุนเซน ย่อมกระทบต่อโครงสร้างอำนาจและความมั่นคงของกลุ่มการเมืองที่ฮุนเซนและฮุน มาเน็ตกำลังควบคุมอยู่
2. ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา – หากยืนยันได้ว่าเป็นเครื่องบินรบของไทยจริง เหตุการณ์นี้อาจบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างรุนแรง และอาจนำไปสู่การเจรจาระดับสูง
3. ภาพลักษณ์สากล – การที่กัมพูชาพยายามปกปิดข่าวอาจทำให้ถูกตั้งคำถามในเวทีนานาชาติว่ามีการบริหารจัดการวิกฤตอย่างโปร่งใสหรือไม่
กระแสในโลกออนไลน์
ชาวเน็ตจำนวนมากทั้งในกัมพูชาและไทยต่างแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางต่อข่าวนี้ บางส่วนมองว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในพื้นที่ชายแดนที่มีความขัดแย้งยืดเยื้อ ขณะที่อีกหลายเสียงตั้งข้อสงสัยว่าข่าวจริงหรือไม่ และเหตุใดผู้นำระดับสูงของกัมพูชาจึงไม่เข้าร่วมงานศพ
มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากกัมพูชาปิดข่าวจริง ก็เท่ากับยอมรับว่ามี “ความเสียหายใหญ่หลวง” เกิดขึ้นกับกองทัพ และยิ่งทำให้ประชาชนภายในประเทศเกิดความไม่ไว้วางใจ
บทเรียนจากเหตุการณ์
เหตุการณ์การเสียชีวิตของ สรัย ดึก และดวง ซอมเนียง เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจว่า ความขัดแย้งชายแดนยังคงเป็นประเด็นเปราะบาง และพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังตอกย้ำให้เห็นถึงความเปราะบางของกองทัพกัมพูชาเอง เมื่อบุคคลระดับสูงสามารถเสียชีวิตได้จากการโจมตีเพียงครั้งเดียว
สรุป
ข่าวการเสียชีวิตของพลเอกสรัย ดึก และพลตรีดวง ซอมเนียง ไม่ใช่เพียงการสูญเสียของกองทัพกัมพูชา แต่ยังเป็นเหตุการณ์ที่อาจส่งผลสะเทือนต่อความมั่นคงทั้งภายในและภายนอกประเทศ การไม่ปรากฏตัวของฮุนเซนและฮุน มาเน็ตในงานศพ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนและอ่อนไหวทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในกัมพูชา
ท่ามกลางการปกปิดข่าว การตีความ และกระแสข่าวสารที่หลั่งไหลในโลกออนไลน์ สิ่งที่ทุกฝ่ายจับตามองต่อจากนี้คือ กัมพูชาจะจัดการกับวิกฤตศรัทธาภายในกองทัพและแรงกดดันทางการทูตได้อย่างไร






















