"ลูกหมี" ลั่น! ไม่ลดตัวกราบเท้า "ปู มัณฑนา"..ถึงมีที่ดิน แต่ก็ไม่มีเงินจ่ายหนี้

              "ลูกหมี" ลั่น! ไม่ลดตัวกราบเท้า "ปู มัณฑนา"..ถึงมีที่ดิน แต่ก็ไม่มีเงินจ่ายหนี้ ทั้งนี้ก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นเจ้าหนี้แต่โดนฟ้องกลับ ฟาดเดือด "ปู มัณฑนา" ตอนมายืมก็พูดดีแต่พอทวงกลับไม่มีให้ กระจอกมากแบบนี้ถึงใช้หนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไหว้กันแล้ว บางทีอาจจะเปลี่ยนจากคดีเช็คเด้งไปเป็นฉ้อโกง นานเท่าไหร่ก็รอเพราะอีกฝ่ายถังแตกมานานแล้ว

               มหากาพย์ทวงหนี้ไม่จบลงง่ายๆ ระหว่างเจ้าหนี้ "ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี" กับ "ปู มัณฑนา หิมะทองคำ" ลูกหนี้ ภายหลังการไกลเกลี่ยครั้งที่ 2 ต้องถูกยกเลิกไป เพราะฝ่ายลูกหนี้ฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกดอกเบี้ยโหดเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ล่าสุด ทางลูกหมีออกมาเผยถึงความคืบหน้าของคดี บอกไม่เหนื่อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เพราะตนได้พูดความจริงไปหมดทุกอย่างแล้ว และไม่มีความกังวลใดๆ แต่สำหรับคนที่พูดโกหกนั้น เขาก็จะมีความทุกข์ด้วยตัวเขาเอง สิ่งที่มันไม่เป็นความจริง มันก็จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองไม่วันใดก็วันหนึ่ง ลูกหมีเชื่อว่าตอนนี้สังคมก็รับทราบข่าวสาร และได้ตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว

               ทั้งนี้ทางลูกหมีก็บอกว่า คงไม่ไปกราบเท้าเจ้าหนี้ ตามที่ทาง “ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช” พูดอย่างแน่นอน ถ้าลูกหมีจะยกตัวอย่างกลับไป ถ้าจะให้ลูกหมีไปกราบ พี่ๆ คิดยังไง พี่น้องประชาชนจะต้องไปกราบขอโทษลูกหนี้หรือเปล่า สำหรับลูกหมีก็คงไม่ทำแบบนั้น และก็ไม่แลกกับคนประเภทนี้ เราอยู่เฉยๆ เป็นเจ้าหนี้ของเราต่อไปดีกว่า ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของกฏหมายแล้ว และอาจจะเปลี่ยนจากแค่คดีเช็คเด้งธรรมดา เป็นคดีฉ้อโกงไปเลย

               ลูกหมี ยังบอกอีกว่า ทราบมาว่าเขาถังแตกมานานแล้ว ถึงมีที่ดินก็เป็นของคนอื่น ทั้งนี้ก็ขอเป็นตัวแทนให้เขาหยุดพฤติกรรมแบบนี้และก็เป็นอุทาหรณ์ว่า อย่าให้ใครยืมเงิน คนที่หน้าตาดี บุคลิกดี ดูภาพลักษณ์ดี หน้าที่การงานดี ปากหวาน เราต้องมีสติ นี่คือข้อที่ลูกหมีพลาด ถึงได้อยากออกมาให้สังคมได้รับรู้ว่าระวังตัวกันด้วย อย่าให้ใครยืมเงินเด็ดขาด และถ้าฝั่งโน้นเค้าอยากจะจบจริงๆ ก็ออกมาขอโทษกันเบาๆ ก็พอ ประชาชนคนไทยเขาก็พร้อมที่จะให้อภัย แต่การที่คุณจะไปยื่นฟ้องอีก ระยะเวลามันก็เลื่อนไปอีก และคุณบอกว่ามันทำร้ายลูกคุณหรือครอบครัวคุณ แต่ระยะเวลาที่ยืดออกไปนั่นแหล่ะคือ การทำร้ายของจริง ถ้าจบตั้งแต่ไกล่เกลี่ยมันคงจบไปนานแล้ว เงินแค่ 2 ล้านบาท กลับกลายเป็นเรื่องราวระดับประเทศ  ทุกคนก็เหนื่อยกับเหตุการณ์นี้กับคนแบบคุณเหมือนกัน