ประเทศจีนใช้พลังงานสะอาด มากกว่าทุกประเทศรวมกัน 2 เท่า
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนในวันนี้ (12 กรกฏาคม 2567) ว่าจีนกำลังสร้างฐานการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะมีจำนวนมากกว่าทุกประเทศทั่วโลกรวมกันถึง 2 เท่า โดยจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แม้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด แต่กำลังสร้างฐานการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งผลิตพลังงานได้มากกว่าทุกประเทศรวมกันถึง 2 เท่า ปัจจุบัน จีนมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างรวม 339 กิกะวัตต์ รวมไปถึงพลังงานลม 159 กิกะวัตต์ และพลังงานแสงอาทิตย์ 180 กิกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 2 เท่าของส่วนที่เหลือของโลกรวมกัน ขณะที่การศึกษาของโกลบอล เอเนอร์จี มอนิเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยพลังงานของสหรัฐ ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าประเทศอันดับ 2 อย่างสหรัฐ ซึ่งมีกำลังผลิตพลังงานรวมเพียง 40 กิกะวัตต์
นอกจากนี้ จีนทำลายสถิติ ด้วยการสร้างหน่วยการผลิตพลังงานลมและโซลาร์แห่งที่ 3 ซึ่งเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกเพียงร้อยละ 7 ความแตกต่างในอัตราการก่อสร้าง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีน ในการดำเนินโครงการพลังงานหมุนเวียน รายงานกล่าว อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตลมและพลังงานแสงอาทิตย์รวมกันของจีน คาดว่าจะแซงหน้าถ่านหินในปีนี้ รายงานระบุว่า การขยายตัวของพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความหวังว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนของจีนจะถึงจุดสูงสุดเร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์ (CREA) เปิดเผยว่า จีนไม่ได้ออกใบอนุญาตใหม่ สำหรับโครงการผลิตเหล็กจากถ่านหินในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งปี ที่ไม่มีใบอนุญาตใหม่ นับตั้งแต่จีนประกาศเป้าหมายคาร์บอนคู่ เมื่อเดือน ก.ย. 2563 โดยการพัฒนาดังกล่าวได้รับการยกย่อง ว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่เป็นไปได้ ขณะที่ความต้องการเหล็ก และชิ้นส่วนของจีนเพิ่มมากขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนผ่านจากการใช้ถ่านหิน ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอีก 10 ปีข้างหน้า ซีอาร์อีเอรายงาน