นักวิทยาศาสตร์บอก จะเกิดแผ่นดินไหวแรงขึ้นและมากขึ้น จากภาวะโลกร้อน
และแล้วภาวะโลกร้อนก็ลามมาถึงเรื่องแผ่นดินไหวในที่สุด โดยนักวิทย์เผย การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลและการละลายของน้ำแข็งที่เกิดจากโลกร้อนอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวมากขึ้นและรุนแรงขึ้น นายจอห์น แคสซิดี นักแผ่นดินไหววิทยาจากสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งแคนาดาและมหาวิทยาลัยวิกตอเรีย กล่าวว่า ธารน้ำแข็งกำลังละลายในอัตราที่เพิ่มขึ้นจากภาวะโลกร้อน เมื่อน้ำจากธารน้ำแข็งละลายไหลออกจากแผ่นดินและลงสู่ทะเล ดินแดนที่เคยอยู่ใต้ธารน้ำแข็งนั้นก็จะลอยสูงขึ้น และเขาบอกว่านี่เป็นหลักการเดียวกับการที่เด็กกดเส้นบะหมี่ลงไปใต้พื้นผิวน้ำซุปแล้วปล่อย
เส้นบะหมี่จะจมลงตราบเท่าที่มีแรงกดจากด้านบน แต่ทันทีที่ปล่อย เส้นจะลอยกลับขึ้นมา แต่เมื่อสิ่งที่ถูกกดและลอยขึ้นมาคือแผ่นดิน ความแตกต่างของแรงดันสามารถทำให้รอยเลื่อน (Fault) ที่เคยสงบนิ่งเกิดการขยับอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดแผ่นดินไหว สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าแผ่นดินไหวจากน้ำแข็งละลาย คือแผ่นดินไหวที่อาจเกิดจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น เมื่อระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น แรงกดดันใต้น้ำบริเวณก้นทะเลก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
มาร์โก บอห์นฮอฟฟ์ นักธรณีฟิสิกส์จาก GFZ Helmholtz Center Potsdam และมหาวิทยาลัยฟรีในเยอรมนี กล่าวว่า เมื่อแรงดันน้ำเพิ่มสูงขึ้น แรงดันบนแนวรอยเลื่อนใกล้ชายฝั่งก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน บอห์นฮอฟฟ์เสริมว่า แม้ว่าเราจะหยุดใช้ก๊าซเรือนกระจกในตอนนี้ แต่ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นก็ต้องใช้เวลาถึง 1,000 ปีจึงจะหยุด และคาดการณ์ว่า เมื่อเวลาผ่านไป ช่องว่างการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ใกล้ชายฝั่งจะแคบลงเรื่อย ๆ หรือก็คือจะเกิดแผ่นดินไหวถี่ขึ้น แคสซิดีไม่แน่ใจว่า ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อแรงกดดันมากพอที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่เร็วขึ้นหรือไม่
แต่เขาย้ำว่าเมื่อมันเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้แผ่นดินไหวมีความอันตรายมากขึ้น สึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวจะขยายไปถึงแผ่นดินลึกเข้าไปภายในประเทศเมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้น มหาสมุทรที่อุ่นขึ้นจะนำไปสู่ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มที่เกิดจากแผ่นดินไหวนั่นเอง