เด็กกราดยิงพารากอนไม่มีประวัติการรักษาทางจิต

หวั่นใจ...เยาวชนก่อเหตุกราดยิง

ผมรู้สึกตกใจและเป็นห่วงมาก เมื่อได้ทราบข่าวเยาวชนวัย 14 ปี ก่อเหตุกราดยิงภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน เหตุการณ์นี้ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของสังคมไทย และส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก ทั้งผู้บาดเจ็บ ผู้สูญเสีย และผู้ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ

จากข่าวที่เผยแพร่ พบว่าผู้ก่อเหตุไม่มีประวัติได้รับการดูแลรักษาจากกรมสุขภาพจิต อย่างไรก็ตาม สังคมต้องตื่นตัวกับการป้องกันความรุนแรง ไม่ว่าผู้ก่อเหตุรายดังกล่าวจะเจ็บป่วยหรือไม่ แต่เด็กทุกคนที่เจ็บป่วยทางจิตต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง และต้องไม่ขาดยา

ผมเชื่อว่าเหตุการณ์นี้น่าจะมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลให้ผู้ก่อเหตุตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว อาจเป็นเพราะปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาครอบครัว หรือปัญหาสังคม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องช่วยกันดูแลเด็กและเยาวชนของเรา เพื่อให้พวกเขาเติบโตอย่างมีคุณภาพ และห่างไกลจากความรุนแรง

ในฐานะพ่อแม่ผู้ปกครอง ผมคิดว่าเราควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชน โดยหมั่นสังเกตพฤติกรรมและอารมณ์ของพวกเขาอยู่เสมอ หากพบสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพจิต ควรรีบพาไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการช่วยเหลือ

นอกจากนี้ สังคมของเราควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเข้มแข็งทางจิตใจของเด็กและเยาวชน โดยปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องให้กับพวกเขา เช่น การให้อภัย การยอมรับความแตกต่าง และความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

ผมหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนสอนใจให้กับสังคมของเรา เราจะร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยและปราศจากความรุนแรง เพื่อให้เด็กและเยาวชนของเราเติบโตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพ

ผมรู้สึกขอบคุณกรมสุขภาพจิตที่ให้ความสำคัญกับการเยียวยาจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ โดยได้จัดทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ผมเชื่อว่าการดูแลจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยบรรเทาความเครียดและความทุกข์ทรมาน และช่วยให้พวกเขาสามารถก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้

ผมหวังว่าสังคมไทยจะร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยและปราศจากความรุนแรง เพื่อให้เด็กและเยาวชนของเราเติบโตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพ