"โยชิ นิมิต" เผยนาที หลังพ่อถาม เมื่อไหร่จะมีแฟนล่ะลูก กับการเปิดตัวในครอบครัวว่าเป็น LGBTQ+
เพจดัง ตุ๊ดส์review ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมข้อความ โดยระบุว่า.บอยกับโยชิ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น รหัสเดียวกันที่นิเทศ จุฬาฯ ครับ แต่โยชิเค้าตัว TOP เลย จากนิเทศ ฝั่ง inter ส่วนเราคือมนุษย์ตัวเล็กๆคนหนึ่งในคณะ ฝั่งภาคไทย ตอนนั้นมองเค้าแบบว่าคนไรเนี่ยะ? โคตรหล่อ สูง หุ่นดี คือ perfect มาก ซึ่งโยชิในวันนั้น บอยไม่เคยคุยด้วยเลย เพิ่งมารู้ว่าเค้าคุยสนุกขนาดนี้จากรายการนี้
ในวันนี้ บอยดีใจที่โยชิพบเจอเส้นทางที่มีความสุข และเปิดเผยตัวตน ซึ่งในวันนั้นตอนอยู่คณะ เนื่องจากเป็นคณะขี้เมาท์ คนเขาก็คุยๆกันสงสัยแหละ แต่ยุคนั้นทุกคนจะเก็บตัวกว่ายุคนี้ ยังไม่เปิดเท่าไหร่ เข้าใจความรู้สึกโยมากๆเลยว่ามันเป็นยังไง เพราะตัวเราก็ไม่ได้ coming out และอยู่ในมุมเล็กๆของตัวเองมากกว่า โยชิเล่าถึง part ที่ตัวเองไม่ถูกผลักดันในค่าย เพราะเขามองว่าเป็น LGBTQ ยุคนั้นมันปิดกว่านี้ ทำให้เขาน้อยใจค่าย และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า เขาไม่เห็นค่าของเรา ทำให้หลังหมดสัญญา 5 ปีจากวง C-Quint จึงโบกมือลา แล้วไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างมีความสุข ในที่ที่ตนเองมีคุณค่า ตรงไหนที่เรารู้สึกไม่มีคุณค่า เราก็แค่เดินออกมา นั่นแหละโยทำถูกแล้วครับ
บอยเจอเรื่องที่โยเล่าในรายการของ GoodDay Podcast แล้วน่ารักดีเกี่ยวกับครอบครัว เลยเอามาแชร์ ในวันที่เขา coming out กับที่บ้านว่าเขาเป็น LGBTQ เพราะจะพาแฟนจากต่างประเทศมานอนที่บ้าน ซึ่งกลัวว่าจะเขินๆ ไม่สะดวกใจ เลยใช้โอกาสที่ดูดวงมาว่าให้บอกครอบครัวในวัย 29 ปี เรื่องเล่าเลยออกมาอย่างที่เขียนไปครับ ในบรรยากาศตอนนั้นโยชิเล่าถึงการเตรียมตัวกับพี่ชายว่าจะเปิดตัวนะ แล้วพี่ชายก็ช่วยชง ชาวยตบมุก จนมันออกมา smooth และเป็นความรู้สึกบวก แล้วคุณแม่ก็มาเสริมว่าไม่เป็นไรเลยนะ ซึ่งมันเลยดูอบอุ่นมากๆ บอยคิดว่า "support ที่ดีจากครอบครัว" ก็มีผลมากๆที่ทำให้บรรยากาศของการสื่อสารเต็มไปด้วยความห่วงใย และผ่านไปอย่างราบรื่น แม้จะเป็นครอบครัวคนจีน ที่ถามหาลูกสะใภ้ของลูกอยู่ตลอด โยชิมีครอบครัวที่น่ารักมากๆ มีพี่ชายที่พร้อม support โยเสมอ มันเลยผ่านไปได้ด้วยดีจริงๆครับ
ถ้าถามว่าจำเป็นต้องบอกกับครอบครัวไหมว่าเราเป็นอะไร ส่วนตัวว่าไม่จำเป็นขนาดนั้น เพราะเขาเลี้ยงลูกมาเอง เขาดูออกแหละว่าลูกของเขาเป็นเพศอะไร เป็นยังไง ไม่จำเป็นต้องสื่อสารอะไรให้มากความ แต่บางบ้านที่พ่อแม่พยายามจะบังคับให้มีลูกสะใภ้ หรือออกเรีอนตามความคาดหวังของบุพการี การบอกเปิดตัวเสียหน่อย ก็ทำให้เราพบเจอกับทางสว่าง และครอบครัวอยู่บนโลกแห่งความจริงได้ ส่วนที่เหลือคือเรื่องของการปรับใจและปรับตัว ปรับทัศนคติกันในบ้านให้อยู่อย่างมีความสุข สำหรับบ้านที่พ่อแม่รับไม่ได้เลย เราเชื่อว่าแรกๆอาจจะเป็นแบบนั้น แต่เวลาที่ผ่านไป เรามั่นใจว่าคนเป็นพ่อแม่จะตกผลึก และยอมรับในตัวตนของลูก ให้โอกาสกับชีวิตลูก และพยายามที่จะมีความสุขกับปัจจุบัน ผ่านเหตุการณ์นั้นๆไปได้แน่นอน แค่ต้องให้เวลากันและกัน และให้โอกาสกันให้มากครับ