สว.มีไว้ทำไม!? "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ชี้ก้าวไกลได้คะแนนเสียงมากสุด แต่กลับอ้างโน่นอ้างนี่ไม่โหวตให้ "พิธา"
‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ คณะก้าวหน้า โพสต์ [ ส.ว. มีไว้ทำไม? ] วันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่ประชุมร่วมกันรัฐสภาลงมติเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผลปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ 500 เสียง ส่วนธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ 244 เสียงใน 500 คะแนนที่ลงมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์นั้น มี 249 เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา นั่นหมายความว่า สมาชิกวุฒิสภาทุกคน(เว้นแต่ประธานวุฒิที่ทำหน้าที่รองประธานรัฐสภาซึ่งงดออกเสียง) ได้ลงคะแนนเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีโดยพร้อมเพรียงกัน
ส.ว. จำนวนหนึ่งอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้จึงโหวตไปตามผู้แทนราษฎรแต่เมื่อถึงการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลได้เสียงมากที่สุดในสภา เมื่อรวมกันเป็นพันธมิตร 8 พรรคร่วมรัฐบาล มีเสียงมากถึง 312 เสียง ซึ่งถือเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร แต่ ส.ว. กลับอ้างโน่นอ้างนี่ไม่โหวตให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี มี ส.ว. เพียง 13 ท่านเท่านั้น ที่โหวตตามเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎรเหตุการณ์ในวันนั้นและวันนี้ คือบทพิสูจน์ว่าวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นเครื่องมือค้ำประกันการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ และพวก ทั้งยังเป็นกลไกสกัดขัดขวางบุคคลและพรรคการเมืองที่ “พวกเขา” ไม่ชอบ มิให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาล
ผมขอนำซีรีส์รายการ Interregnum ชุด “ส.ว. มีไว้ทำไม?” มาให้ทุกท่านย้อนฟังอีกครั้งเริ่มต้นตอนแรก จะพาท่านผู้ฟังย้อนกลับไปดู ที่มาที่ไปของวุฒิสภาชุดนี้ ใครเป็นเจ้าของความคิด เริ่มผลักดันเข้าในร่างรัฐธรรมนูญเมื่อไร กระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว. เป็นอย่างไร ประเทศไทยสูญเสียอะไรไปบ้างเพื่อให้ได้วุฒิสภาแบบนี้มาส่วนในตอนต่อๆ ไป จะพาท่านผู้ฟังย้อนไปพีงประวัติศาสตร์การเกิดขึ้นของ Senate ตั้งแต่สมัยโรมัน มาจนถึงอังกฤษ ระบบสภาเดียวและระบบสองสภา เหตุผลของการมีสองสภา ตลอดจนประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญไทยและการเมืองไทยที่บ่งชี้ว่า วุฒิสภาที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารคือสภาแห่งการสืบทอดอำนาจ ทั้งหมดนี้ เพื่อตั้งคำถามว่า “ส.ว. มีไว้ทำไม?” นำไปสู่บทสรุปที่ว่า ประเทศไทยมีสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งโดยประชาชนก็เพียงพอแล้ว”