หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เบื้องหลังดีลสะท้านโลกธุรกิจค้าปลีกพิจารณาขาย'เทสโก้'TESCO ในไทย-มาเลย์ เก็งทุนใหญ่ข้ามชาติกล้าสู้ราคา 2.73 แสนล้านบาท

โพสท์โดย dominiqa

เบื้องหลังดีลสะท้านโลกธุรกิจค้าปลีก 'เทสโก้'TESCOแถลงผู้สนใจซื้อกิจการเทสโก้ที่มีศักยภาพสูงในไทย-มาเลย์ เล็งพิจารณาอนาคตจะขายกิจการเทสโก้หรือไม่จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจการค้า ขณะที่เก็งทุนใหญ่ข้ามชาติกล้าสู้ราคา 2.73 แสนล้านบาท

“เทสโก้” (Tesco) เชนยักษ์ค้าปลีกรายใหญ่จากประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2562ระบุว่า“บริษัทขอยืนยันว่า ขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจที่จะซื้อกิจการของบริษัทในไทยและในมาเลเซีย ทำให้บริษัทเริ่มพิจารณาทางเลือกต่างๆที่เป็นไปได้เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจใน2ประเทศนี้”อย่างไรก็ตาม เทสโก้ ระบุว่า การพิจารณาในเรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับอนาคตของเทสโก้ในไทยและมาเลเซียว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดการขายกิจการหรือไม่

แม้เทสโก้จะปฏิเสธการให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่สื่อทั้งในไทยและต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภายในบริษัท ระบุว่า ดีลนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2.73 แสนล้านบาท สูงกว่ามูลค่าธุรกิจเกาหลีใต้ที่บริษัทขายไปเมื่อปี 2558

โดยบรรดานักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินหลายแห่งต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ธุรกิจเทสโก้ในอาเซียนโดยเฉพาะในประเทศไทยมีศักยภาพสูง ด้วยอัตรากำไรถึง 6% มากเป็น 2 เท่าของธุรกิจในอังกฤษ และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงมีทรัพย์สินเป็นสาขาจำนวนมาก สอดคล้องกับข้อมูลว่า เทสโก้มีสาขาในไทยทั้งหมด 1,967 สาขา พร้อมแผนขยายอีก 750 สาขา โดยนายเดฟ ลูอิส ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)ของเทสโก้ ประกาศเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ย้ำถึงโอกาสในการขยายการเติบโตของธุรกิจในเอเชีย ซึ่งรวมถึงแผนการเปิดสาขาใหม่อีก 750 แห่งในไทย โดยจะเป็นสาขาในรูปแบบร้านสะดวกซื้อ

ส่วนในมาเลเซียมี 74 สาขา โดยช่วง 6 เดือนที่่สิ้นสุดเมื่อ 24 ส.ค.2562 ที่ผ่านมากิจการทั้งสองประเทศมีรายได้รวมกันกว่า 2.6 พันล้านปอนด์หรือ 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 1% และมีกำไรจากการดำเนินการ 224 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 6.7 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 42%

ทั้งนี้ “เทสโก้” เป็นหนึ่งในเชนค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ ก่อตั้งโดย “แจ็ก โคเฮน” ในปี 1919 หรือ พ.ศ. 2462 และขยายสาขาไปใน 11 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเทสโก้เข้ามาซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่นซิสเทม จำกัด ผู้บริหารเชนค้าปลีก “โลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์” จากเครือ ซี.พี.เมื่อปี 2541 และเปลี่ยนชื่อเป็น “เทสโก้ โลตัส” จนปัจจุบันมีสาขาในรูปแบบต่าง ๆ รวม 1,967 สาขาทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เหตุอื้อฉาวทางบัญชีเมื่อปี 2557 ซึ่งยักษ์ค้าปลีกถูกจับได้ว่าแจ้งตัวเลขกำไรเกินความเป็นจริงไปถึง 263 ล้านปอนด์ ทำให้ต้องจ่ายค่าปรับกว่า 214 ล้านปอนด์ และมูลค่าในตลาดหุ้นหายไปกว่า 50% เมื่อรวมกับแนวโน้มผลประกอบการที่ต่ำลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 หลังเผชิญการแข่งขันดุเดือดทั้งในอังกฤษและต่างประเทศ

นักวิเคราะห์ ให้ความเห็นว่า เทสโก้ในอังกฤษกำลังประสบกับภาวะการแข่งขันที่ดุเดือด ประกอบกับความนิยมหันไปชอปปิงออนไลน์กันมากขึ้นทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เทสโก้ ประกาศจะปลดพนักงาน 4,500 ตำแหน่งในส่วนของเทสโก้ เมโทร ซึ่งมีสาขาอยู่ในประเทศอังกฤษ เพื่อลดค่าใช้จ่าย

ส่งผลให้เทสโก้ภายใต้การบริหารของ “เดฟ ลูอิส” ผู้บริหารจากยูนิลีเวอร์ เริ่มเดินแผนปรับโครงสร้างธุรกิจขนานใหญ่ทั้งด้านการบริหาร การเงิน รวมถึงการหันโฟกัสธุรกิจในอังกฤษมากยิ่งขึ้น ทำให้ยักษ์ค้าปลีกทยอยขายกิจการในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น เกาหลีใต้ ในปี 2558 มูลค่าประมาณ 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วยตุรกี ในปี 2559 มูลค่าประมาณ 43 ล้านเหรียญสหรัฐ และช่วงเดือน ก.ย.ปีนี้มีข่าวว่ากำลังพิจารณาขายกิจการในประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจใหญ่สุดของเทสโก้ในย่านยุโรปกลางด้วยจำนวนสาขาถึง 348 สาขา แต่กำลังขาดทุน 11 ล้านปอนด์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ขายธุรกิจในฝรั่งเศส สหรัฐ จีน และญี่ปุ่นไปก่อนแล้ว

 

แหล่งข่าววงในประเมินมูลค่าของการซื้อขายครั้งนี้ว่า หากเกิดขึ้นจริงน่าจะสูงกว่า 5,000 ล้านปอนด์ (2แสนล้านบาท)  ขณะที่ดาวโจนส์ รายงานว่า น่าจะอยู่ที่ระดับ 6,900 ล้านปอนด์ (2.76 แสนล้านบาท) หรือราว 9,000 ล้านดอลลาร์ (2.7 แสนล้านบาท) และการขายธุรกิจในเอเชียจะทำให้เทสโก้มีสภาพคล่องเงินสดมากขึ้นและช่วยให้ธุรกิจหลักของบริษัทในอังกฤษสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส เผชิญกระแสข่าว “ขายกิจการ” ตามสถานภาพที่สั่นคลอนของบริษัทแม่เทสโก้ สโตร์ อิงค์ ประเทศอังกฤษซึ่งประสบปัญหาสภาพคล่องมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 10 ปีก่อนหน้านั้น กลุ่มเทสโก้ ทยอยขายกิจการในประเทศต่างๆ ซึ่งในภูมิภาคเอเชีย โดยไทยยังคงอยู่ในสถานะยืนหนึ่ง โดยผู้บริหาร เทสโก้ โลตัส ในไทย ยืนยันทุกครั้งในการแถลงแผนธุรกิจถึงศักยภาพตลาดเมืองไทยพร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องทุกปี

ล่าสุด เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ประกาศแผนลงทุนคร้้งใหญ่ในวาระธุรกิจในไทยก้าวสู่ปีที่ 25 โดยนายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า เทสโก้ โลตัส เป็นธุรกิจใหญ่ที่สุดของกลุ่มเทสโก้ รองจากกิจการในสหราชอาณาจักร มีเครือข่ายสาขาทั่วไทยกว่า กว่า 2,000 แห่ง พร้อมมุ่งขยายการลงทุนต่อเนื่อง ภายใต้งบประมาณของกลุ่มเทสโก้ มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท สำหรับลงทุนในตลาดค้าปลีกที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในทั่วโลก รวมทั้งไทย

ในแผนระยะกลาง 3 ปี (2562-2564) เทสโก้ โลตัส จะเร่งขยายร้าน “เอ็กซ์เพรส” คอนวีเนียนสโตร์รูปแบบใหม่เพิ่มอีก 750 สาขา จากปัจจุบันเปิดบริการราว 1,600 สาขา ขณะเดียวกันมุ่งปรับปรุงร้านค้าปลีกกว่า 1,500 สาขาเดิมสู่รูปแบบใหม่ โดยเฉพาะร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ “ไฮเปอร์มาร์เก็ต”จะปรับเปลี่ยนพื้นที่และสินค้าที่วางจำหน่าย ควบคู่ไปกับการพัฒนาประสบการณ์แบบออมนิแชนแนล (ออฟไลน์-ออนไลน์)

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส ยังย้ำด้วยว่า การเติบโตระดับ “สองหลัก” ของอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยไม่มีให้เห็นอีกแล้ว แต่จะโตปริ่มน้ำไปเรื่อยๆ ทำอย่างไรจะรักษาฐานไว้ให้ได้มากที่สุดท่ามกลางลูกค้าที่มีทางเลือกมากขึ้น แน่นอนว่าใครปรับตัวไม่ทันก็มีโอกาสจมน้ำได้ง่ายๆ”

 

อย่างไรก็ดี ธุรกิจในภาคพื้นเอเชียของกลุ่มเทสโก้ ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตได้ดีในระดับ 2.6% ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ โดยตลาดเอเชียขณะนี้มีเพียงไทย และมาเลเซียเท่านั้น 

นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมค้าปลีก กล่าวว่า แม้ในระยะยาวไทยยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตตามฐานประชากร การบริโภคที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของสังคมเมือง หากแต่รูปแบบค้าปลีกบางประเภทอาจไม่ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จะเห็นว่าในช่วง 4-5 ปี ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต และซูเปอร์เซ็นเตอร์ เผชิญภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง จากการหาทำเลในการเปิดสาขายากขึ้น ตลาดค่อนข้างอิ่มตัวจากการขยายตลาดครอบคลุมพื้นที่ ลูกค้านิยมใช้บริการร้านขนาดเล็กทั้งคอนวีเนียนสโตร์ และซูเปอร์มาร์เก็ต มากขึ้น

“ไฮเปอร์มาร์เก็ตพยายามอัพสเกลปรับปรุงสินค้าและบริการที่มากกว่ากลยุทธ์ราคาถูกซึ่งไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีชอปปิงออนไลน์เป็นอีกหนึ่งทางเลือก”

นับเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจของเทสโก้ โลตัส ในไทยเช่นเดียวกัน สอดคล้องกับแผนเร่งปรับกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจของเทสโก้ โลตัส ทั้งร้านขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของประสบการณ์มากขึ้น

อย่างไรก็ดี กระแสข่าวการขายกิจการของเทสโก้ โลตัส เชื่อว่ามีนักลงทุนหลายรายให้ความสนใจ โดยเฉพาะเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ที่มีชื่อติดโผทุกครั้ง แม้ เทสโก้ โลตัส จะเคยเป็นธุรกิจบุกเบิกของกลุ่มซีพีก่อนมาอยู่ในมือเทสโก้ สโตร์ ยักษ์ค้าปลีกสัญชาติอังกฤษ และกิจการเทสโก้ โลตัส จะสามารถ “ต่อยอด” ทำให้พอร์ตค้าปลีกค้าส่งของกลุ่มซีพีเติบโตก้าวกระโดด แต่ด้วยมูลค่าธุรกิจเทสโก้ โลตัสหลัก “แสนๆ ล้านบาท” ขณะที่แลนด์สเคปค้าปลีกกำลังจะถูกทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่จากดิจิทัลดิสรัปชันอาจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าคุ้มหรือไม่คุ้มการลงทุน จะเรียกว่า สู้หรือไม่สู้ราคานั่นเอง 

ทางด้านกลุ่มเซ็นทรัลที่มียุทธศาสตร์ธุรกิจในการซื้อและควบรวมกิจการที่มีศักยภาพนั้น กรณีของ “เทสโก้ โลตัส” ที่ธุรกิจหลักคือไฮเปอร์มาร์เก็ต กลุ่มเซ็นทรัลเคยวิเคราะห์แนวโน้มค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ตว่าอยู่ในห้วง “ขาลง” สำหรับประเทศไทย และเป็นเหตุผลสำคัญทำให้เซ็นทรัลหันไปบุกเวียดนาม ซึ่งยังถือเป็นตลาดใหม่แทน

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ยักษ์ใหญ่กลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น เจ้าของเครือข่ายศูนย์การค้าเซ็นทรัล ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ เทสโก้ โลตัส โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ “ซินเนอร์จิสติก พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์” ถือหุ้นสัดส่วนเท่ากัน 50% มีทุนจดทะเบียน 1 แสนบาท

ซีพีเอ็น เคยระบุว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะนำจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัทมาผนึกกำลังสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อพัฒนาธุรกิจที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างดีที่สุด อย่างไรก็ดีทั้งซีพีเอ็นและเทสโก้ โลตัส ยังไม่เคยเปิดเผยถึงรายละเอียดความร่วมมือมากไปกว่านี้และยังไม่มีความคืบหน้าจากการร่วมมือดังกล่าวแต่อย่างใด

หลังจากนี้ จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า เทสโก้จะตัดสินใจขายธุรกิจในไทยและมาเลเซียหรือไม่ และขายให้กับใครกันแน่ ?

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: http://thaitribune.org/contents/detail/327?content_id=37010&rand=1576627322
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
dominiqa's profile


โพสท์โดย: dominiqa
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วิธีสังเกตภาพ AI ที่บางคนยังไม่รู้เศรษฐีที่ร่ำรวยมากที่สุด อันดับหนึ่งในประเทศเมียนมาร์ทำไมคนไทยไม่เก่งภาษาอังกฤษ แม้จะใช้เวลาเรียนมานานหลายปี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ศาลสั่งจำคุก สิระ เจนจาคะ 1 ปี จำเลยให้การเป็นปนะโยชน์ลดโทษ จำคุก8 เดือน ไม่รอลงอาญา กรณี หมิ่นประมาท พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์สาวจีนเตะนักดับเพลิงญี่ปุ่นร่วงบันได ขณะพยายามช่วยเธอจากเหตุไฟไหม้บรรยากาศสุดคึกคัก! ทางม้าลายหัวถนนราชดำริ ปี 2535นางงามขอสละตำแหน่ง Miss Universe 2025
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
"ดร.เอ้" แนะเจาะถนนระบาย "น้ำท่วมหาดใหญ่" ลง "ทะเลสาบสงขลา"..ให้เหตุผลว่าถนนนี้ขวางทางระบายน้ำเขมรเอาทุกดอก! ร้อง UNESCO ออกกฏห้ามลอกเลียน "มรดกโลก"..อ้างอีก "ไทย" เลียนแบบ "นครวัด"ทนายธรรมราชไขปริศนา! เผยต้นตอภัยพิบัติรุนแรง ชาวเน็ตฟังแล้วถึงกับอึ้งสุดสลด! เรือกู้ภัยล่มกลางภารกิจ เด็กน้อยหลุดมือแม่ หายไปต่อหน้าต่อตา
ตั้งกระทู้ใหม่