สุดสลด! เรือกู้ภัยล่มกลางภารกิจ เด็กน้อยหลุดมือแม่ หายไปต่อหน้าต่อตา

หาดใหญ่ระทึก! เรือกู้ภัยพลิกคว่ำกลางกระแสน้ำเชี่ยว เด็กหลุดมือแม่ต่อหน้า – สงขลาวิกฤตหนัก น้ำท่วมแล้ว 16 อำเภอ ผู้ประสบภัยกว่า 7 แสนคน

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เพจเฟซบุ๊กชื่อ “การันต์ ศรีวัฒนบูรพา” ได้เผยเหตุการณ์สลดใจที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งกำลังเผชิญภาวะอุทกภัยรุนแรงจากฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน สร้างผลกระทบวงกว้างไปทั่วทั้งจังหวัด โดยเฉพาะในเขตเมืองที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน

หนึ่งในเหตุการณ์ที่ประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจและสะเทือนใจที่สุด คือเหตุการณ์ เรือกู้ภัยพลิกคว่ำกลางน้ำเชี่ยว ส่งผลให้เด็กเล็กคนหนึ่งหลุดจากมือแม่และจมหายไปต่อหน้าต่อตาแม้เจ้าหน้าที่จะพยายามช่วยอย่างเต็มกำลัง โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที แต่ความเจ็บปวดในใจของผู้เป็นแม่และทีมกู้ภัยกลับยืนยาวกว่านั้นมาก

 

เหตุการณ์สลด เรือกู้ภัยต้านกระแสน้ำไม่ไหว – นาทีเด็กหลุดมือแม่กลางน้ำเชี่ยวกราก

เหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เมื่อน้ำในเขตตัวเมืองหาดใหญ่เพิ่มระดับสูงขึ้นจนหลายจุดกลายเป็นพื้นที่อันตราย กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกรากจนรถไม่มีทางผ่านได้ ทีมกู้ภัยจึงต้องใช้เรือเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในบ้านเรือนและจุดเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง เด็กเล็ก และครอบครัวที่ไม่มีเรือหรือทางหนี

ตามรายงานระบุว่า ทีมกู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีครอบครัวหนึ่งติดอยู่กลางน้ำในซอยแคบ และมีเด็กเล็กอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่จึงรีบลำเลียงทั้งหมดขึ้นเรือเพื่อออกไปยังพื้นที่ปลอดภัย แต่ระหว่างทางกระแสน้ำกลับแรงขึ้นอย่างฉับพลัน คลื่นน้ำซัดเข้าด้านข้างของเรือจนเกิดเสียสมดุลในไม่กี่วินาทีต่อมา

💥 เรือกู้ภัยพลิกคว่ำ

เสียงร้องของแม่และเสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่ดังระงมท่ามกลางความมืดและกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ทุกคนพยายามคว้าตัวเด็กให้ได้ แต่เหตุการณ์กลับเลวร้ายลงเมื่อ

 

🚨 เด็กเล็กที่สวมเสื้อชูชีพหลุดออกจากมือแม่ พร้อมถูกกระแสน้ำพัดหายไป

การค้นหาเกิดขึ้นทันที เจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายสิบคนลงพื้นที่พร้อมไฟฉาย ลุยน้ำค้นหาด้วยความหวังสุดหัวใจ แต่ความมืดสนิทและกระแสน้ำที่เชี่ยวเกินควบคุมทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก

ผู้เห็นเหตุการณ์รวมถึงชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างยืนยันว่าเสียงร้องไห้ของผู้เป็นแม่ยังคงดังอยู่ตลอดการค้นหา เป็นเสียงที่สร้างความสะเทือนใจแก่ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือประชาชนที่ช่วยกันตามหาเด็กน้อยคนนี้จนถึงช่วงดึก

 

สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสงขลาวิกฤตหนักสุดในรอบหลายปี – น้ำท่วมแล้ว 16 อำเภอ ครัวเรือนกว่า 270,000 หลังได้รับผลกระทบ

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา ได้ออกประกาศสรุปสถานการณ์เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 โดยระบุว่า สงขลากำลังเผชิญภาวะวิกฤตจากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านหลายจังหวัดภาคใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรง ส่งผลให้ฝนตกหนักต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเร็ววัน

 

🌧️ พื้นที่ประสบภัยรวมทั้งหมดในจังหวัดสงขลา

16 อำเภอ

115 ตำบล

823 หมู่บ้าน

200 ชุมชน

และตัวเลขผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดตอนนี้สูงถึง

👉 270,906 ครัวเรือน

คิดเป็นประชากรราว

👉 697,231 คน

ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดของจังหวัดในรอบหลายปี

 

พื้นที่หนักที่สุด – หาดใหญ่ สะเดา รัตภูมิ จะนะ บางกล่ำ นาหม่อม

จากการประเมินสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ พบว่าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดมาจากน้ำล้นของ คลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นคลองสายใหญ่ที่ไหลผ่านหลายอำเภอในจังหวัดสงขลา เมื่อมวลน้ำจากต้นน้ำเพิ่มมากขึ้นจนคลองรับไม่ไหว ทำให้เกิดการล้นตลิ่ง และมวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็ว

 

พื้นที่วิกฤตสูงสุดได้แก่

อำเภอหาดใหญ่

โดยเฉพาะเขตเมือง เช่น หาดใหญ่ใน เขต 8 และบริเวณตลาดสำคัญระดับจังหวัด

อำเภอบางกล่ำ

พื้นที่ลุ่มเป็นวงกว้าง น้ำท่วมสูงและกระแสน้ำแรง

อำเภอสะเดา

ได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงแรกจากน้ำที่ไหลจากฝั่งพังงาและสตูล

อำเภอรัตภูมิ และจะนะ

บ้านเรือนจำนวนมากถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้

อำเภอนาหม่อม

หลายหมู่บ้านมีระดับน้ำสูงเกิน 1 เมตร ต้องส่งเรือเข้าไปช่วยอพยพ

เฉพาะ “อำเภอหาดใหญ่” และ “บางกล่ำ” มีจำนวนผู้ประสบภัยรวมกันมากกว่า

👉 240,000 คน

ซึ่งเป็นเขตที่ได้รับผลกระทบสูงสุดในเหตุการณ์ครั้งนี้

 

เบื้องหลังการไหลบ่าของน้ำ – ทำไมปีนี้จึงท่วมรุนแรงผิดปกติ

เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติอธิบายว่า การท่วมครั้งนี้เกิดจากหลายปัจจัยรวมกันจนกลายเป็น “สมบูรณ์แบบของความรุนแรง” ได้แก่:

1. ปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยหลายเท่า

ฝนตกหนักต่อเนื่องกว่า 72 ชั่วโมงในหลายอำเภอ

บางจุดวัดได้เกิน 300 มม.

 2. ร่องมรสุมหยุดตัว

เมื่อร่องมรสุมเคลื่อนช้า ทำให้ฝนตกบริเวณเดิมซ้ำ ๆ และหนักขึ้นเรื่อย ๆ

 3. พื้นที่ลุ่มต่ำของหาดใหญ่

เขตเมืองหาดใหญ่เปรียบเสมือน "อ่างกระทะ" ทำให้มวลน้ำไหลมารวมตัวกันได้ง่ายและระบายออกช้า

 4. การล้นตลิ่งของคลองอู่ตะเภา

ถือเป็นตัวจุดชนวนหลักของการไหลบ่าครั้งนี้

 5. ระบบระบายน้ำไม่สามารถรองรับมวลน้ำขนาดใหญ่ได้ในเวลาเดียวกัน

แม้จะปรับปรุงมาโดยตลอด แต่ปริมาณครั้งนี้ถือว่าสูงผิดปกติ

 

เสียงจากชาวบ้าน – ความสิ้นหวัง ความหวาดกลัว และน้ำตาของผู้สูญเสีย

หลังเหตุการณ์เรือพลิกคว่ำ หลายคนออกมาแสดงความเห็นและความรู้สึกผ่านโซเชียลมีเดีย บางคนบอกว่าเป็นเหตุการณ์ท่วมที่หนักที่สุดตั้งแต่ปี 2553 หรืออาจหนักกว่าด้วยซ้ำ

แม่ค้าคนหนึ่งกล่าวว่า

 “น้ำมาเร็วมาก ไม่ถึง 30 นาที จากระดับข้อเท้ากลายเป็นถึงเอว รีบเก็บของก็ไม่ทัน ลูกหลานต้องอุ้มกันวิ่งออกจากบ้าน”

ชาวบ้านในอำเภอบางกล่ำระบุว่า

“ไม่เคยเห็นน้ำเชี่ยวแบบนี้มาก่อน ยืนมองกระแสน้ำไหลผ่านหน้าบ้านแบบน่ากลัวมาก”

แต่เสียงที่สะเทือนใจที่สุด คือคำพูดของคนที่เห็นเหตุการณ์เด็กหลุดมือแม่

 “แม่เขาร้องจนไม่มีเสียงแล้ว ทุกคนช่วยกันจนสุดแรง แต่กระแสน้ำมันแรงเกินไปจริง ๆ”

เหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนเรียกร้องให้มีการจัดหาเรือกู้ภัยที่มีความทนทานมากขึ้น รวมถึงระบบเตือนภัยที่รวดเร็วกว่าเดิมในอนาคต

 

เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำงานอย่างหนัก – เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยประชาชน

หลายหน่วยงานระดมกำลังลงพื้นที่ ทั้งหน่วยกู้ภัย อปพร. ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง รวมถึงอาสาสมัครชาวบ้านที่ช่วยกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ต้องลุยน้ำที่สูงถึงอกและเชี่ยวกราก

สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ

เจ้าหน้าที่หลายคนทำงานต่อเนื่องมากกว่า 18 ชั่วโมงโดยไม่ได้พัก

บางคนต้องเสี่ยงชีวิตเป็นอย่างมากในพื้นที่ที่กระแสน้ำไหลแรง

แต่ทุกคนบอกตรงกันว่า

“จะหยุดไม่ได้ เพราะยังมีคนรอให้ช่วยอีกจำนวนมาก”

 

การช่วยเหลือล่าสุด – เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว กระจายอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค

เพื่อรองรับผู้ที่ต้องอพยพจำนวนมาก ทางจังหวัดสงขลาได้เปิด ศูนย์พักพิงฉุกเฉิน ในหลายพื้นที่ เช่น:

โรงเรียนประจำอำเภอ

วัด

ศาลาประชาคม

สนามกีฬา

อาคารอเนกประสงค์ของเทศบาล

เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครช่วยกันจัดหาเตียงสนาม ผ้าห่ม และอาหารให้ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดทีมแพทย์เคลื่อนที่เพื่อดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก

ยังมีภาคเอกชนและคนดังในท้องถิ่นรวมถึงทั่วประเทศร่วมบริจาคสิ่งของจำเป็น เช่น ข้าวสาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค ไฟฉาย และเสื้อผ้าสำหรับผู้ที่สูญเสียทรัพย์สิน

 

บทเรียนครั้งใหญ่ – ถึงเวลาปรับปรุงระบบป้องกันน้ำท่วมของหาดใหญ่?

หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ คำถามที่สังคมพูดถึงคือ

“เขตเมืองหาดใหญ่จำเป็นต้องเร่งสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมขนาดใหญ่กว่าเดิมหรือไม่?”

แม้จะมีโครงการแก้มลิง ประตูระบายน้ำ และระบบระบายที่พัฒนาขึ้นกว่าในอดีต แต่ปริมาณน้ำในปีนี้มากเกินกว่าที่ระบบปัจจุบันจะรับไหว หลายฝ่ายจึงเสนอแนะแนวคิด เช่น:

สร้างทางระบายน้ำลัดใหม่

กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำในคลองสายหลัก

เพิ่มความลึกของคลองอู่ตะเภา

ปรับปรุงระบบเตือนภัยให้รวดเร็วกว่าเดิม

จัดหายุทโธปกรณ์ช่วยเหลือที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น เรือกู้ภัยน้ำเชี่ยวเฉพาะทาง

หลายเสียงเห็นตรงกันว่า หากไม่เร่งแก้ไข ความสูญเสียอาจเกิดซ้ำได้อีก และอาจหนักขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

สรุปสถานการณ์ล่าสุด (ณ 26 พ.ย. 2568)

น้ำท่วม 16 อำเภอทั่วจังหวัดสงขลา

ผู้ประสบภัย กว่า 270,000 ครัวเรือน

ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เกือบ 700,000 คน

หลายพื้นที่ยังอยู่ในระดับน้ำสูงและไหลแรง

ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาเด็กที่สูญหาย

ศูนย์พักพิงยังรับผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง

คาดว่าฝนอาจยังตกเพิ่มจากมรสุมอีกหลายวัน