เรื่องราวที่โลกจารึก ของกษัตริย์แห่งภูฏาน ด้วยคำมั่นสัญญาที่ทรงให้ไว้กับเด็กสาว 7 ขวบ จนกลายมาเป็นตำนานรัก สุดยิ่งใหญ่
เป็นอีกพระมหากษัตริย์ที่ทรงเดินรอยตามพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก หรือ กษัตริย์จิกมี แห่งราชอาณาจักรภูฏาน พระองค์ทรงมีพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแบบอย่าง ทรงมุ่งมั่นพัฒนาประเทศด้วยแนวทางคล้ายกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ของปวงชนชาวไทย
โดยพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เห็นได้ชัดว่า พระองค์ทรงตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานหนัก ทุ่มเท ทั้งพระราชหฤทัย และพระวรกาย อีกทั้งพระองค์ทรงรักในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ต่างจากพสกนิกรชาวไทย
วันนี้เราจึงนำเรื่องราวความรักของ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มาให้ทราบกันเพราะในมุมเรื่องความรักท่านก็ซื่อสัตย์ต่อพระราชินีของพระองค์เป็นอย่างมาก และพระองค์เป็นผู้ยกเลิกประเพณีการเเต่งงานที่สามารถมีภรรยาได้ทีละหลายๆคน
กษัตริย์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก(Jigme Khesar Namgyel Wangchuck) เป็นที่รู้จักในนามว่า "กษัตริย์ที่หล่อที่สุดในโลก" ทรงมีพระชนมพรรษา 36 พรรษาและราชินีเจ็ตซัน เปมา (Jetsun Pema) มีพระชนมายุ 26 พรรษา ทั้งสองทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2011
ในตอนนั้นราชินี เจ็ตซัน เปมาJetsun Pema ยังทรงศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยที่ลอนดอน
เส้นทางความรักสุดโรแมนติกของทั้งคู่ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยเจ้าชายจิกมี Jigme Khesar Namgyel Wangchuck เพิ่งจะมีพระชนม์ 17 ชันษา ส่วนสาวน้อยเจ็ตซัน ในขณะนั้นมีอายุเพียง 7 ปี เมื่อเจ้าชายได้ให้สัญญากับเจ็ตซันว่า "หากเธอโตขึ้นเมื่อไร แล้วเราทั้งคู่ยังเป็นโสด เราจะขอเธอแต่งงาน"
พระราชพิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นในปีค.ศ. 2011 มีการเฉลิมฉลองนานถึง 2 วัน กษัตริย์จิกมีรับสั่งชื่นชมราชินีเจ็ตซันว่า "เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและชาญฉลาดมาก"
กษัตริย์จิกมียังทรงยกเลิกประเพณีการแต่งงานที่สามารถมีภรรยาได้หลายคน ทรงรับสั่งว่าอยากใช้ทั้งชีวิตอยู่ดูแลกันไปเพียง 2 คน
กระทั่ง เจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก ได้ทรงถือกำเหนิดขึ้น (พระราชสมภพ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559) เป็นพระราชโอรสพระองค์แรกในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก นอกจากนี้พระองค์ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารแห่งภูฎาน โดยได้ทรงรับพระราชทานพระนามเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559 (เดิมทรงมีพระนามเพียงแค่คำว่า "จยัลซี" ซึ่งในภาษาซองคา หมายถึง เจ้าชาย)























