Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageราคาทองคำ
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

จากเจ๊หมวยเยาวราช สู่มาดามรถถัง ส่งออกกว่า 37 ประเทศทั่วโลก

โพสท์โดย NIXA

จากเจ๊หมวยเยาวราช สู่มาดามรถถัง ส่งออกกว่า 37 ประเทศทั่วโลก

 

ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับมาดามรถถังที่ส่งออกรถถังมากกว่า 37 ประเทศทั่วโลกซึ่งนั่นก็คือคุณ “นพรัตน์ กุลหิรัญ” ที่เป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท ชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ที่ผลิตชิ้นส่วนยางติดเหล็กและข้อต่อสายพานระบบสายพานให้กับกองทัพไทยและต่างประเทศ.. เบอร์โรงงานนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 140,000 ตารางเมตรในจังหวัดปทุมธานีและที่ตั้งของโรงงานและมีขนาดใหญ่ 26 หลังทั้งประกอบ โรงทดสอบเครื่องยนต์ โรงผลิตอุปกรณ์ โรงกลึง โรงพ่นทราย และโรงเก็บอะไหล่ มากมายเลยทีเดียว

โดยคุณนพรัตน์ก็ได้มีการกล่าวถึงเรื่องราวชีวิตก่อนที่จะมาถึงในจุดนี้ว่าตัวเองนั้นมีพ่อแม่ที่เป็นชาวจีนอพยพมาจากเมืองจีนแล้วเธอก็เป็นลูกสาวคนที่ 7 ของครอบครัวและครอบครัวของเธอนั้นมีพี่น้องประมาณ 12 คนและเธอเติบโตที่บริเวณถนนทรงวาดใกล้กับศาลเจ้าเซียงกงย่านเยาวราชจังหวัดกรุงเทพ ..

โดยสมัยก่อนธุรกิจครอบครัวของเธอนั้นก็คือการค้าเหล็กและโซ่และเครื่องยนต์เก่าภายใต้ชื่อร้านว่า ‘ตั้งจุ้นฮวด’ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สืบทอดมาจากรุ่นคุณปู่ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งแต่ปีพ.ศ 2400

และด้วยความที่คุณ พ่อของคุณนพรัตน์เป็นคนติดอ่างจึงทำให้มีปัญหาและพลาดโอกาสทุกครั้งเวลาที่ไปร่วมประมูลเศษเหล็กที่คลองถม จึงทำให้คุณนพรัตน์ในวัยเด็ก10ขวบ ที่ถูกคุณพ่อสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าเกิดเป็นผู้หญิงต้องทำให้ได้ทุกอย่างอย่าให้ใครดูถูกจึงต้องออกโรงแข่งขันแทนคุณพ่อตั้งแต่วัยนั้น

“พ่อเป็นคนติดอ่าง พูดก็ช้า แต่ใจดี เวลาไปสู้ ต้องตะโกนแข่งกัน 20 ตังค์ 50 ตังค์ ตีฆ้องเป๊งๆ โอเคเจ้านี้เอาไปพ่อเราสู้เขาไม่ได้ เราเห็นแล้วอึดอัดใจ วันหนึ่งเอ่ยปากถามพ่อ พ่อจะเอากองไหน ‘เอากองนี้ แต่สงสัยพ่อจะพูดไม่ทันเขา เรารู้อย่างนั้นจัดการล็อบบี้เลย วิ่งบอกทุกคน เดี๋ยวสู้กันนะ ถึงราคาที่พ่อเราต้องการ ขอให้พวกท่านทั้งหลายหยุดก่อน เปิดโอกาสให้พ่อฉันพูดบ้าง ทุกคนทำหน้างงๆ แต่ก็รับฟังบอกเออๆ เดี๋ยวหยุดให้ สุดท้ายพ่อเราก็พูดและชนะ ได้โซ่ขนขึ้นรถกระบะไม้กลับบ้านสักที”
และคุณนพรัตน์ก็ได้สั่งสมประสบการณ์จากการคลุกคลีอยู่ในกับวงการเหล็กตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการประมูล จนกระทั่งทำความสะอาดเศษเหล็กและดัดแปลง โดยทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เธอเรียนรู้และเธอก็อยู่ในวงการอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเหล็กแทบทั้งสิ้น
ซึ่งทุกคนนั้นก็มักจะบอกว่าคุณนพรัตน์เป็นอาหมวยที่พูดเก่งเป็นอย่างมากเวลามางานประมูลทีไรก็มีของกินมาให้ตลอด แถมยังคอยเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟถ้าใ ห้และคุณนพรัตน์เองก็จะชอบไปขอกองเหล็ก ต่างๆ จึงทำให้ที่บ้านสามารถได้งานมาเรื่อยๆและในตอนเด็กก็จะไม่ค่อยไปไหนอยู่แต่ที่ทำงานที่บ้านไปคุยกับคนนั้นคนนี้นั่งดูพ่อเชื่อมเหล็ก อ๊อกเหล็ก และถามนั่นนี่มาโดยตลอด

และนอกจากเรื่องเหล็กที่เธอให้ความสนใจแล้วเรื่องภาษาเธอก็สนใจมากด้วยเช่นกันโดยแรงบันดาลใจนั้นเธอเริ่มเห็นมาจากที่คุณพ่อ แปลและนั่งเขียนจดหมายภาษาจีนเพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยในอดีตแต่ก่อนนั้นคนจีนมาจะเข้ามาทำงานในเมืองไทยและทิ้งลูกทิ้งเมียญาติพี่น้องไว้ที่บ้านเกิด เมื่อคิดถึงก็มักจะส่งจดหมายกับไปหาและด้วยความที่คุณพ่อเป็นคนที่เขียนหนังสือเก่งมาก จึงรับหน้าที่ช่วยเหลือและถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆผ่านน้ำหมึกส่งต่อให้กับคนอื่น ..

โดยคุณพ่อของคุณนพรัตน์ คอยสั่งสอนลูกเสมอว่าเกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องพึ่งพาคนอื่นมีโอกาสและความสามารถก็อย่านิ่งนอนใจที่จะให้ความช่วยเหลือเขา แต่อย่าหวังพึ่งคนอื่นมากจนเกินไป จนทำให้เขานั้นหยามเรา รบกวนให้น้อยมากที่สุดและต้องรู้จักบุญคุณคนและ เกิดเป็นหญิงอยู่กับพ่อแม่ไม่นาน ก็ต้องไปแต่งงาน สิ่งที่พ่อมอบให้ที่สุดนั้นก็คือการศึกษาที่ลูกสาวจะต้องใฝ่รู้และศึกษาเพื่อสามารถสร้างอาชีพที่ดีในอนาคตด้วยลำแข้งของตัวเอง

“พ่อมีลูกทั้งหมด 12 คน ลูกชาย 5 คน ผู้หญิง 7 คน พ่อบอกว่า ผู้ชายจะได้รับสมบัติ พวกเธอไม่ได้รับหรอก อย่าหวังอะไรจากพ่อแม่ ต้องช่วยเหลือตัวเอง เกิดเป็นลูกสาว เมื่อถึงเวลาไปอยู่บ้านคนอื่น อย่าให้ใครเขาดูถูก อย่าไปพึ่งพาเขา หัดฝึกฝนและทำให้ตัวเองมีคุณค่า”

ซึ่งเรียกได้ว่าาความสามารถของคุณนพรัตน์นั้น เกิดจากการปลูกฝังของคนเป็นพ่อมาโดยเสมอ โดยเธอนั้นได้เริ่มเข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ และเริ่มเรียนศึกษาภาษาอังกฤษ และฝึกฝนงานฝีมือต่างๆและหลังจากที่เรียนจบมาคุณพ่อก็เห็นว่าเป็นคนพูดเก่งชอบคบค้าสมาคมจึงแนะนำให้เรียนต่อทางด้านภาษา

และในต่อมาเธอก็ได้เรียนต่อระดับชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ ทางด้านเอกภาษาฝรั่งเศสและระดับอุดมศึกษาจากวิทยาลัยวิชาการศึกษา ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่สวนกระแสนิยมในสังคมยุคนั้นเป็นอย่างมากโดยเด็กเรียนดีมักจะเลือกเรียนที่จุฬาฯหรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

และชีวิตนักศึกษาของคุณนพรัตน์ก็มีความสุขมากและเข้าร่วมกิจกรรมมากมาย ทั้งค่ายอาสาชนบทและชายแดนเดินขบวนทำกิจกรรมกับเพื่อน ต่อต้านประเด็นสังคมทางการเมืองและเศรษฐกิจ และด้วยความสามารถทางด้านภาษาและในช่วงสงครามเวียดนามก็ได้มีโอกาสจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่ง สหประชาชาติ ให้คุณนพรัตน์นั้นมาเป็นล่ามภาษาฝรั่งเศสและครูสอนภาษาไทยให้กับค่ายผู้ที่อพยพเข้ามาในค่ายคลองลึกอำเภออรัญประเทศจังหวัดสระแก้วโดยแลกเงินวันละ 20 เหรียญจนกระทั่งถูกโรคระบาดในค่ายเล่นงานจึงทำให้ต้องกลับบ้าน

โดยในตอนนั้นคุณนพรัตน์จะได้กลับมาเรียนหนังสือและยังแบ่งเวลามาสอนภาษาไทยให้กับชาวจีนที่วัด สามปลื้มและวัดไตรมิตรจนกระทั่งเรียนจบในชั้นระดับปริญญาตรีและสอบบรรจุคุณครูของโรงเรียนยานนาเวศได้ประมาณ 5 เดือนก่อนที่ตัดสินใจย้ายไปเป็นครูโรงเรียนเก่าของตัวเองที่อัสสัมชัญคอนแวนต์และสอนวิชาภูมิศาสตร์ “ชีวิตมีความสุขมาก แฮปปี้เหลือเกิน สอนเด็กๆ พอเลิกเรียนก็ไปสอนศึกษาผู้ใหญ่ที่วัด ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลย”

แต่ตอนนั้นความสุขของคุณครูอย่างคุณนพรัตน์ก็ต้องจบลงเมื่อคุณพ่อของเธอเกรงว่าเธอนั้นจะเลือกเส้นทางหลบหนีเข้าป่าตามรอยกลุ่มเพื่อนที่ทำกิจกรรมค่ายอาสาและเดินขบวนทางการเมืองจึงตัดสินใจจะให้เธอแต่งงานในที่สุด

ด้วยเธอนั้นแต่งงานในวัยอายุ 26 ปีกับคุณ “หิรัญ กุลหิรัญ” ที่เป็นเจ้าของกิจการซ่อมรถและดัดแปลงเครื่องยนต์ โดยชีวิตแต่งงานนั้นเริ่มต้นด้วยความทุกข์และต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านสามีและแม่สามีนั้นเข้มงวดกับเธอมาก จนเธอนั้นไม่มีความสุขซึ่งแตกต่างกับชีวิตเมื่อก่อนอันแสนอิสระและยังต้องออกคำสั่งให้เธอลาออกจากการเป็นครูด้วย

โดยคุณแม่สามีของเธอนั้นสูงมากกับบ้านต้องขออนุญาตถ้าไปไม่บอกกลับมาก็จะถูกตีและยังสั่งให้เลิกเป็นครู โดยในจุดนี้จึงทำให้คุณนพรัตน์เดินทางกลับมาบ้านเพื่อปรึกษาคุณพ่อถามถึงคนทางแห่งความร่ำรวยและมั่งคั่งและยั่งยืนโดย คำแนะนำที่เธอได้รับนั้นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างธุรกิจพันล้านนั่นเอง

“พ่อบอกว่า ถ้าเธอมัวแต่จับปลาในแม่น้ำเจ้าพระยา ปลามันมีจำกัด ต้องแย่งกัน นับวันก็มีแต่น้อยลง ถ้าเธออยากให้ยั่งยืน จับได้เยอะๆ ต้องต่อเรือไปจับปลาในทะเลหลวง เธอจะจับปลาได้ไม่รู้สิ้น”

โดยสิ่งที่พ่อของเธอพูดนั้นอาจจะทำให้หลายคนนั้นสงสัย แต่คุณนพรัตน์ก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่พ่อบอกทันทีจึงกลับมาคุยกับสามี โดยระหว่างนั้นก็เริ่มทำการติดต่อการค้ากับกองทัพไว้เดินเป็นลักษณะของเอเย่นจัดหาอุปกรณ์เครื่องยนต์รวมถึงซ่อมบำรุงช่วงล่างให้กับรถบรรทุก

ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับที่ช่วงเวลาสงครามโลกเวียดนามสิ้นสุดลงจึงทำให้กองทัพอเมริกาได้ถอนฐานทัพและทิ้งอาวุธต่างๆไว้มากมายในประเทศเวียดนามเขมรและลาว จึงทำให้สามีของคุณนพรัตน์ได้ทำการติดต่อกับกองทัพเพื่อขอซื้อสิ่งเหล่านี้กลับมายังประเทศไทยส่งผลให้โรงงานชัยเสรีมีอะไรจำนวนมากและเพียงพอต่อความต้องการของกองทัพไทยเป็นอย่างมากและในตอนนั้นเองเธอก็ตระเวนข้อมูลหาซื้อเครื่องจักรตามโรงงานที่ยกเลิกกิจการอีกหลายที่เพื่อหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับมา

และด้วยความช่างพูดช่างเจรจาและเก่งทางด้านภาษาจึงได้เข้าไปถามทหารชาวสหรัฐที่เข้ามาในเมืองไทยว่านตีนตะขาบรถถังหาซื้อได้จากไหนจนสามารถทราบที่อยู่และขอติดต่อซื้อเพื่อนำมาเสนอขายให้กับทางกองทัพในที่สุดและด้วยไหวพริบของเธอนั้นก็สามารถเข้าไปภายในโรงงานผลิตได้จนเป็นที่สำเร็จทั้งๆที่เป็นเขตหวงห้ามและเต็มไปด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง

โดยคู่ค้าชาวอเมริกันก็เป็นคนเปิดเผยวิธีการผลิตและการดำเนินขั้นตอนต่างๆให้กับคุณนพรัตน์ฟัง โดยไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้นั้นจะสามารถจดจำทุกสิ่งทุกอย่างออกมาและนำแนวคิดเหล่านั้นมาก่อสร้างในเมืองไทยได้ โดยเธอนั้นก็ใช้วิธีการจดจำความรู้ขอเข้าห้องน้ำเป็นระยะเพื่อจดความรู้ที่ได้มาลงในแผ่นกระดาษก่อนนางกลับมาบอกสามีและร่วมกันก่อสร้างโรงงานในเมืองไทยตามแบบฉบับของอเมริกา

และก็มีเรื่องขบขันอย่างหนึ่งคือระหว่างที่ธุรกิจของชัยเสรีนั้นกำลังไปได้ด้วยสวยวันหนึ่งฝรั่งเจ้าของโรงงานที่เธอเคยไปนั้นได้มาเยี่ยมเยียนที่เมืองไทยและขอเข้าชมโรงงานซึ่งตอนแรกคุณนพรัตน์ก็กลัวว่าเขาจะรู้ว่าเป็น Copy ของเขามาแต่กลับกลายเป็นว่าลูกค้าฝรั่งรายนี้ประทับใจในนพรัตน์เป็นอย่างมากถึงขั้นบอกว่าหากงานประมูลครั้งหน้าพลาด ก็จะเลิกกิจการและขายเครื่องจักรทั้งหมดให้กับคุณนพรัตน์ทันที

โดยในตอนนั้นเธอก็ปฏิเสธพร้อมกับบอกว่ามีเงินแค่เพียงที่ 25 ล้านบาท โดยเธอนั้นก็ทำการโอนให้ไปก่อนแล้วก็ให้เครื่องจักรในราคานั้นมา ซึ่งทางนั้นเขาก็โอเค โดยคุณนพรัตน์ก็ได้นำคนงานไปประมาณ 15 คนพร้อมกับตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 2 ตู้เพื่อเรียนรู้การใช้งานประมาณ 7 วันก่อนที่จะขนย้ายเครื่องจะกลับมายังประเทศไทย แต่สุดท้ายเธอก็ได้เครื่องจักรทั้งหมดประมาณ 45 ตู้และกินนอนอยู่ในโรงงานถึง 45 วันเลยทีเดียวโดยในตอนนั้นทางนั้นเขาให้มาหมดทุกอย่างไม่ว่า แบบพิมพ์ เครื่องอัดยาง เครื่องขึ้นรูปผลิตตีนตะขาบ

และการได้รับเครื่องจ่ายเป็นจำนวนมากก็ทำให้คุณนพรัตน์นั้นรู้สึกเป็นทุกข์และรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นนักฉวยโอกาสเอาเปรียบมิตรสหายเกินไปแถมยังถูกสามีดุว่าทำอะไรเกินตัว ไม่รู้จักประเมินกำลังและความสามารถของบริษัทจึงทำให้รู้สึกกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว
แต่สุดท้ายประสิทธิภาพและกำลังการผลิตของโรงงานชัยเสรีนั้นก็สามารถทะเยอทะยานเติบโตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยได้เป็นเท่าตัวและเธอก็ต้องรับผิดชอบโอกาสที่เธอไขว่คว้ามาได้ด้วยการตะเวนหาคู่ ค้าในต่างประเทศ

โดยท้ายที่สุดชัยเสรีนั้นก็ได้รับการติดต่อจากมหาอำนาจอย่างประเทศสหรัฐอเมริกาและเจรจาทางธุรกิจอย่างลงตัวจนสามารถเซ็นสัญญา ผลิตชิ้นส่วนยางติดเหล็ก ข้อต่อสายพาน ล้อกดสายพาน เพื่อติดตั้งให้กับรถถังเขาทั้งหมด ได้เป็นที่สำเร็จ จึงทำให้กิจการไชยเสรีนั้นเติบโตรุ่งเรืองและมีโอกาสได้สะสมอะไรจากค่ายทหารในหลากหลายประเทศที่ปลดประจำการ อีกทั้งยังมีความสามารถในการซ่อมคืนสภาพหรือผลิตใหม่ได้

และผลงานที่สามารถสร้างความภาคภูมิใจให้กับชัยเสรีนั่นก็คือการผลิตรถหุ้มเกราะ First Win ซึ่งใช้เวลาในการพัฒนามากกว่า 10 ปีโดยได้ประสบการณ์จากการซ่อมรถในกองทัพมาอย่างยาวนานและคุณนพรัตน์ก็มีความรู้สึกว่ารถที่นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้นไม่เหมาะสมกับสภาพในเมืองไทยจึงเป็นที่มาในการสร้างสรรค์ออกแบบ First Win คืนนั้นเองและวัสดุทุกอย่างนั้นถูกประกอบและผลิตในประเทศไทยทั้งนั้นเว้นแต่เพียงเครื่องยนต์เท่านั้นที่นำเข้าจากสหรัฐและด้วยสิ่งที่มาจากประเทศไทยจึงทำให้มีราคาที่ถูกกว่ารถนำเข้ามากถึง 40 เปอร์เซ็นต์

ซึ่งปัจจุบัน First win ได้มีประจำการอยู่ในกองทัพไทยและกรมสอบสวนพิเศษหน่วยรบการปราบปรามยาเสพติดและหน่วยกรมราชทานอีกทั้งในต่างประเทศนั้นก็ยังกลายเป็นรถกองทัพที่มาเลเซียให้ความเชื่อมั่นและสั่งซื้อไปถึง 200 คัน

คุณนพรัตน์ก็ได้มีการทิ้งท้ายว่า จุดชี้ขาดในการทำธุรกิจนั้นก็คือความเป็นมนุษย์ก็คือความจริงใจและใส่ใจกับสิ่งที่รู้รอบ

คุณนพรัตน์ก็ได้มีการทิ้งท้ายว่า จุดชี้ขาดในการทำธุรกิจนั้นก็คือความเป็นมนุษย์ก็คือความจริงใจและใส่ใจกับสิ่งที่รู้รอบข้างโดยไม่หวังเพียงแค่ประโยชน์ส่วนตนเท่านั้นและต้องเอาจริงเอาจังและฝึกฝนตัวเองไปสู่ความสำเร็จไม่หลงในตัวเองและมีความรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ…นั้นเอง

โพสท์โดย: NIXA
แหล่งที่มา: khaoline.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
NIXA's profile


โพสท์โดย: NIXA
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
8 VOTES (4/5 จาก 2 คน)
VOTED: มันดู เกี๊ยว, zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.20" งวดวันที่ 16 มิถุนายน 2568เลขเด็ด "แม่จำเนียรล็อตเตอรี่" มาแล้ว! งวดวันที่ 16 มิถุนายน 68..คอหวยห้ามพลาด!เงินเดือน 18,000 ในกรุงเทพฯ ฉันใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง มีเงินเหลือเก็บ แถมมีเงินส่งให้แม่เดือนละ 2,000
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
Halo Effect ดูดีกว่าจึงประสบความสำเร็จมากกว่าประชาชนกัมพูชาเริ่มบ่น ต้องกลับไปใช้อินเตอร์เน็ตแบบเต่าคลานมงต้องลง! "แจ็ค ไททัส" โบกมือลงอเมริกา หวังคว้ามงเวทีโลก!"กัมพูชาเปิดฉาก “ละครแห่งชาติ” ตอบโต้การแบนละครไทยด้วยการเปิดละครชีวประวัติฮุน เซน แทนการเปิดละครไทย10 อันดับ "ความช่วยเหลือที่ประเทศไทยมีต่อกัมพูชา"แบนมวยไทย! “สหพันธ์กุนขแมร์” ประกาศห้ามนักมวยไทยขึ้นชกบนเวทีกัมพูชา
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
6 มาตรการน้ำเน่าแลกเปิดด่านไทยชาวอุดรฯ ทำถึง ขึ้นรูปแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพทหาร บนบิลบอร์ด เพื่อให้กำลังใจ เริ่ดเว่อร์คุณพี๊!! 👍ถ้าลำไส้เราเครียด เราก็อาจเครียดแบบไม่มีเหตุผลงูเหลือมยักษ์ยาว 4 เมตร โผล่อาบแดดกลางถนน ถูกรถชนเลือดไหลซิบ
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน LinePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageราคาทองคำ
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง