‘โลมาแม่น้ำโขง’ สูญพันธุ์จากประเทศลาวแล้ว คาดเกิดจากการใช้เครื่องมืออวนลอย
เฟซบุ๊กสำนักข่าวซินหัวของประเทศจีน รายงานว่า องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลได้ประกาศว่าโลมาอิรวดี หรือโลมาแม่น้ำโขง ได้สูญพันธุ์โดยปริยายไปแล้วในประเทศลาว
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (3 พ.ย.) องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ในประเทศลาวได้ประกาศว่า โลมาแม่น้ำโขงหรือโลมาอิรวดีได้สูญพันธุ์ไปโดยปริยายแล้วจากประเทศลาว
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ทีมสำรวจขององค์กร WWF ในประเทศลาวและกัมพูชาได้ดำเนินการสำรวจเหล่าโลมาและยืนยันแล้วถึงจำนวนโลมาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในหาดโอจือเตียล (O Cheuteal) ที่อยู่ระหว่างทางตอนใต้ของประเทศลาวและทางตอนเหนือของประเทศกัมพูชา ว่ามีจำนวนลดลงถึงร้อยละ 50 ในปี 2016
ทีมสำรวจรายงานว่า ปัจจุบันโลมากลุ่มนี้ลดลงจนเหลือเพียง 3 ตัวจากช่วงต้นปี 2016 ที่มี 6 ตัว จึงมีความหวังเหลือเพียงน้อยนิด ที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้กลับมาดังเดิม เพราะโลมาที่มีเพียงเท่านี้คงไม่สามารถอยู่รอดได้ (สืบสายพันธุ์ต่อไปได้) หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทม์สรายงานโดยอ้างอิงจากผลการสำรวจ
Amphone Phommachak ผู้ประสานงานในพื้นที่ทางตอนใต้ของลาวขององค์กร WWF ได้กล่าวว่าการใช้เครื่องมืออวนลอย (gillnet) โดยเฉพาะอวนลอยที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยมนุษย์ถูกคาดว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของโลมา
(ภาพโลมาอิรวดีถูกอวนลอยของชาวประมง)
โลมาอิรวดี (Irrawaddy dolphin)เป็นโลมาชนิดหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Orcaella brevirostris อยู่ในวงศ์โลมา (Delphinidae) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รูปร่างหน้าตาคล้ายโลมาทั่วไป แต่มีลักษณะเด่นคือ หัวที่มนกลมคล้ายบาตรพระสีของลำตัวด้านบนและด้านข้างสีเทา หรือเทาน้ำเงิน ส่วนท้องมีสีจางลง ครีบหลังตั้งอยู่ค่อนไปทางหางเล็กน้อย มีรูปสามเหลี่ยม ปลายมากลม ไม่มีจะงอยที่ปาก ครีบหูใหญ่ปลายมนกลม ตามีขนาดเล็ก ปากอยู่ด้านล่าง มีฟันบน 17-20 ซี่ ฟันล่าง 15-18 ซี่ มีขนาดความยาวลำตัว ประมาณ 1.80-2.75เมตร ขนาดเเรกเกิด มีความยาวลำตัวประมาณ 1เมตร
โลมาอิรวดีพบได้ในบริเวรที่มีน้ำขุ่น สามารถอยุ่ใต้ผิวน้ำได้นานถึง 70-150 วินาที แล้วจะโผล่ขึ้นมาหายใจสลับกัน ออกลูกครั้งละ 1ตัว ใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 9เดือน ลูกโลมาแรกเกิดจะมีความผูกพันอยู่กับแม่มาก โดยเฉพาะช่วง 18 เดือนแรกหลังคลอด และสามารถสืบพันธุ์เมื่ออายุได้ 15ปี โลมาอิรวดีเป็นสัตว์สังคม โดยทั่วไปพบอยู่เป็นฝูงเล็กๆ ฝูงละประมาณ 3-8ตัว อาหารได้แก่ กุ้ง ปลา และหอย ที่อยู่บนผิวน้ำและใต้โคลนตม
โลมาอิรวดีถูกค้นพบครั้งแรกที่แม่น้ำอิรวดีในสาธารณรัฐแห่สหภาพพม่าจึงเป็น ที่มาของชื่อ และนอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอื่นๆอีก เช่น "โลมาหัวบาตรมีครีบหลัง","โลมาน้ำจืด","โลมาหัวหมอน"ในภาษาใต้ และ"ปากข่า"ในภาษาลาว เป็นต้น
โลมาอิรวดีเป็นหนึ่งในโลมาเพียงไม่กี่ชนิดที่มีความสามารถในการปรับตัวให้อาศัยอยู่ในน้ำจืดได้ทั่วโลกพบว่ามีกลุ่มประชากรของโลมาอิรวดีที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดเพียง 5แห่งเท่านั้นได้แก่ 1)แม่น้ำอิรวดี สาธารณรับแห่งสหภาพพม่า 2)แม่น้ำโขง ในส่วนที่เป็นของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและประเทศกัมพูชา 3)แม่น้ำมะหะขาม ประเทศอินโดนีเซีย 4)ทะเลสาบชิลิก้า ประเทศอินเดีย และ 5)ทะเลสาบสงขลา ประเทศไทย (Smith et al., 2007)
จากการประชุมอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่า และพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on international Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora:CITES)ครั้งที่13 เมื่อปีพ.ศ.2546 ประเทศไทยได้เสนอให้โลมาอิรวดีเป็น สัตว์ป่าคุ้มครองบัญชีที่1 (Appendix l)อันมีผลทำให้ โลมาอิรวดีได้รับความคุ้มครองในระดับนานชาติ (Kittiwattanawong et al.,2007)ซึ่งจัดอยู่ในบัญชี Red Data List โดยจัดให้อยู่ในสถานะสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธ์ (CR-Critically endangered)และนอกจากนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชประสงค์ให้ กรมป่าไม้ จังหวัดพัทลุง และประชาชนทั่วไปช่วยกันจัดทำโครงการอนุรักษ์โลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา โดยทรงรับให้เป็นโครงการในพระบรมราชินูปถัมภ์ (ประกาศจังหวัดพัทลุง ณ วันที่ 3ต.ค. 2544)