ทำไมการเสด็จสวรรคตของพระมหากษัตริย์ไทยจึงเป็นเรื่องใหญ่
เขียนโดย โทนี่ คาร์ตาลุซชี่ นักวิจัยภูมิศาสตร์การเมืองและนักเขียน สำหรับนิตยสารออนไลน์ “นิว อีสเทิร์น เอาท์ลุค” วันที่ 16 ตุลาคม 2559 แปลโดย วิรัตน์ วณิชชากร
การเสด็จสวรรคตของพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย ผู้เป็นพระประมุขของชาติ เมื่อพระชนมายุได้ 88 พรรษานั้น เป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศเกิดภายใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ความสำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย เป็นสิ่งที่ยากสำหรับชาวตะวันตกจะเข้าใจ กษัตริย์ในประเทศตะวันตกมักจะปกครองประเทศแต่จากเบื้องสูง แต่พระมหากษัตริย์ไทยทรงปกครองแผ่นดินด้วยการทรงงานหนักในถิ่นทุรกันดาลเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนผู้ยากไร้ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจำนวนเรือนแสนเรือนล้านจึงได้เดินทางมาน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมถวายความอาลัยกันเต็มถนนโดยรอบพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ เมื่องานพระราชพิธีพระบรมศพได้เริ่มขึ้น
นอกจากเส้นขอบเขตและเสถียรภาพทางการเมือง ที่พระมหากษัตริย์พระองค์นี้สามารถทำให้เกิดมีขึ้นใหม่ได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากเหล่านักการเมืองจากพรรคต่างขั้วเกิดการประทะกันรุนแรงล้ำเส้นเกินขอบเขตแล้ว เบื้องลึกและขอบเขตของการทรงงานยังรวมไปถึงโครงการในพระราชดำต่าง ๆ ที่สามารถช่วยเหลือประชาชนในระยะยาวทางด้านสาธารณูปโภค การชลประทาน พลังงาน และการเกษตร ที่นักการเมืองที่ไร้วิสัยทัศน์ปฏิเสธที่จะดำเนินการด้วย
หลาย ๆ ด้านของการทำการเกษตรในประเทศไทย ทั้งการแนะนำพืชพันธุ์ธัญญาหารทางเศรษฐกิจสายพันธุ์ใหม่ ๆ ไปจนถึงการริเริ่มให้มีสหกรณ์การเกษตรและโรงสีข้าวในท้องถิ่นของตัวเกษตรกรเอง ได้ถูกนำเสนอและสนับสนุนเป็นครั้งแรกด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่พื้นที่บางส่วนของพระตำหนักจิตรลดารโหฐานซึ่งเป็นสถานที่ประทับส่วนพระองค์ในกรุงเทพฯ ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นศูนย์จัดแสดงและฝึกฝนเพื่อให้ความรู้แก่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้คนทุกหมู่เหล่าสามารถเพิ่มพูนความรู้และทักษะทางเศรษฐกิจในการหาเลี้ยงชีพให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ในทางการเมือง พระปรีชาสามารถของพระองค์ในการประทับอยู่เหนือการต่อสู้กันทางการเมืองของกลุ่มอำนาจฝ่ายต่าง ๆ และความเคารพเทิดทูนไว้สูงสุดเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมที่พสกนิกรชาวไทยถวายแด่พระองค์ ได้สร้างขอบเขตทางการเมืองที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถหลีกเลี่ยงการเข่นฆ่ากันเองภายในประเทศเพราะความขัดแย้งรุนแรงในระดับที่เกิดขึ้นมาแล้วในประเทศกัมพูชา และที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศในตะวันออกกลางในขณะนี้
สำหรับศัตรูของประเทศไทยที่ต้องการให้เมืองไทยไร้ความมั่นคงหรือเกิดเหตุความวุ่นวายทางการเมือง อุปสรรคอันดับแรกซึ่งก็คือเป้าหมายหลักในการโจมตีไปด้วยในตัวก็คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนทั้งประเทศเทิดทูนไว้เหนือเกล้าฯ การเสด็จสวรรคตของพระองค์ได้เปิดช่องให้ศัตรูของชาติได้โอกาสหาหนทางทำชั่วทางใดทางหนึ่งเพื่อให้เมืองไทยเกิดความอ่อนแอซึ่งก็จะมีผลทำให้เสถียรภาพของทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดต่ำลงไปด้วย
ความสำคัญของเมืองไทยต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากร 70 ล้านคน การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจดี และมีความหลากหลายจากทั้งทางการเกษตร ไปจนถึงอุตสาหกรรมการผลิต และเป็นประเทศเดียวในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ ที่สามารถหลีกเลี่ยงการเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกได้
ในทางประวัติศาสตร์โลก ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดตลอดมา ในช่วงยุคล่าอาณานิคมโดยชาติตะวันตกก่อนสงครามโลก ประเทศไทยสามารถคานชาติมหาอำนาจที่กำลังล่าอาณานิคมต่าง ๆ ให้หวาดเกรงกันเอง จนประเทศชาติรอดพ้นภัยพิบัติใหญ่หลวงครั้งนั้นมาได้โดยไม่ถูกเป็นเมืองขึ้น ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง พื้นที่ประเทศไทยก็จำต้องกลายเป็นสนามรบระหว่างชาติมหาอำนาจในสมัยนั้น ภายหลังจากนั้น ประเทศไทยเป็นตัวสำคัญที่ทำให้ฝรั่งเศสต้องล่าถอยกลับประเทศออกไปจากอาณานิคมของตัวเองในแถบอินโดจีน เมื่อคราวสงครามเวียตนาม ประเทศไทยก็เป็นฐานทัพชั่วคราวให้กองทัพสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ตั้งแต่คราวความขัดแย้งในเวียตนามจบลง ประเทศไทยได้ค่อย ๆ ทะยอยลดบทบาทของตัวเองในการสนับสนุนสหรัฐอเมริกาให้มีอิทธิพลในการควบคุมประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ และมุ่งสู่การเป็นประเทศที่มีบทบาทสมดุลย์และเป็นกลาง
ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาได้พยายามที่จะกลับเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคแถบนี้มากขึ้นอีก ทำให้ภูมิศาสตร์การเมืองของประเทศไทยยิ่งมีความเด่นชัดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อประเทศไทยพยายามหลีกหนีจากแรงกดดัน อิทธิพล และการควบคุม โดยสหรัฐอเมริกา
ครั้งหนึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยมีแต่ของเก่าที่กองทัพอเมริกันโละมาให้ ปัจจุบันอาวุธในกองทัพไทยมาจากหลายประเทศ ทั้งจีน รัสเซีย ชาติยุโรป และแม้แต่ระบบป้องกันประเทศจากประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพยายามอย่างนักหน่วงที่จะสร้างความสัมพันธ์กับนานาประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกควบคุมหรือการต้องพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงประเทศเดียว ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาเอกราชของชาติได้ด้วยดีตลอดมา
ขณะนี้ ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งการค้าและความร่วมมือกันกับประเทศจีน คนส่วนใหญ่มักคิดไม่ถึงว่าประเทศจีนและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำการค้าอยู่ในทวีปเอเชียเป็นหลัก ความมั่นคงของภูมิภาคจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อทุก ๆ ประเทศในแถบนี้
****
การเล็งเป้าไปที่ประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่กำลังถูก[บางประเทศ]สั่นคลอนเสถียรภาพ สำหรับแต่ละประเทศในภูมิภาคนี้ [บางประเทศ]ก็ดำเนินยุทธวิธีที่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันเพียงเล็กน้อยโดยขึ้นอยู่กับส่วนประกอบทางเศรษฐศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ โดยการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่หน่วยงานที่ลวงพรางมาในคราบของหน่วยงานการกุศลหรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เพื่อมนุษยธรรมและสิ่งแวดล้อม แต่มีหน้าที่หลักในประเทศนั้น ๆ คือ เป็นหน่วยต่อต้านนโยบายและการดำเนินงานพัฒนาของแต่ละประเทศ มิให้ดำเนินไปได้ด้วยความสะดวกจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีหากนโยบายนั้นจะพัฒนาประเทศให้เข้มแข็งและเจริญก้าวหน้า ซึ่งเมื่อผู้ปกครองเข้มแข็ง ประชาชนอยู่ดีกินดี ก็จะควบคุมยาก และจะเป็นการลดความสำคัญของ[บางประเทศ]เองในอนาคต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทย เป้าหมายหลักในการโจมตีคือสถาบันพระมหากษัตริย์และกองทัพ ซึ่งเป็นสองสถาบันที่[บางประเทศ]เห็นเป็นอุปสรรคในการวางตัวนักการเมืองที่[บางประเทศ]ถือหางให้เข้ามามีอำนาจ [บางประเทศ]เชื่อนักหนาว่าเหตุผลที่การวางตัว[นักการเมืองชื่อดังคนหนึ่ง] ให้เป็นตัวแทนอำนาจของตนเกิดการผิดพลาดและล้มเหลวมาตลอดในช่วงระยะ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะการทำรัฐประหารสองครั้งสองคราโดยกองทัพไทย และการชุมนุมประท้วงบนท้องถนนโดยประชาชนจำนวนมากที่เข้าร่วมชุมนุมเพราะเชื่อว่าเป็นการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดของประเทศ
คนไทยทั่วไปทราบดีว่า เหตุผลหลักที่ทำให้ประเทศชาติยังมีเอกราชที่ไม่เคยถูกแย่งชิงไปอย่างถาวรมาตั้งแต่สมัยโบราณ คือการที่ประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และการมีกองทัพที่เข้มแข็ง การบ่อนทำลายหรือการทำให้ดูราวกับมีการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์และกองทัพมักถูกมองโดยประชนคนไทยส่วนใหญ่ว่าการกระทำนั้นเป็นการตั้งใจบ่อนทำลายประเทศไทยทั้งประเทศ
ดังนั้น สำนักข่าวต่างประเทศ[บางสำนักข่าว] ซึ่งจงใจพุ่งเป้าหมายของการรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงในประเทศไทยไปที่การวิจารณ์กองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด จึงมักถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยคนไทยด้วยความเกลียดชังกลับไป ในปี 2010 เมื่อผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว[บางสำนักข่าว] รายงานข่าวด้วยความมั่วซั่วเรื่องการชุมนุมบนท้องถนนของประชนชนเสื้อแดงที่ฝ่ายพรรคการเมืองที่สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ก่อการชุมนุม ทำให้ประชาชนชาวไทยรณรงค์กันต่อต้าน[สำนักข่าวนั้น] จนกระทั่ง[ผู้สื่อข่าวตัวต้นเหตุ]ถูกส่งกลับบ้านที่ประเทศอังกฤษไปในที่สุด
ทุกวันนี้ สำนักข่าวจากประเทศตะวันตกพยายามที่จะใช้ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านอันเปราะบางหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชนี้ ในการโยกคลอนเสถียรภาพของประเทศไทย และได้เริ่มแผนการรายงานข่าวแล้ว
การสารสัมพันธ์หรือการตัดเยื่อใยกับประเทศไทย
สำนักข่าวที่ถูกมองว่ามีการพยายามทำร้ายประเทศไทยโดยการรายงานข่าวอย่างไม่เหมาะสม จะถูกตราหน้าโดยประชาชนคนไทยว่าเป็น “ศัตรู” ของไม่เพียงแต่สถาบันสูงสุด แต่จะเป็นศัตรูของประชาชนในประเทศชาติไปในทันที
สำหรับชาวตะวันตกที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ สถาบันใหญ่ ๆ อย่างรัฐบาล ตลอดไปจนถึงสถาบันย่อย ๆ อย่างสถาบันครอบครัว มักจมปลักอยู่ในความยุ่งเหยิงภายในประเทศของตัวอยู่แล้ว ความคิดที่ว่าประเทศทั้งประเทศจะสามารถอยู่รวมกันได้เหมือนครอบครัวใหญ่ ๆ ครอบครัวหนึ่งแบบในเมืองไทย มักจะเป็นความคิดที่แปลกประหลาดเกินไปสำหรับพวกเขา ไม่ว่าความคิดนี้อาจจะแปลกประหลาดเพียงไรก็แล้วแต่ ผลของการไม่เข้าใจความคิดนี้ว่ามันสามารถเกิดมีขึ้นได้ในประเทศอื่น สามารถทำให้อิทธิพลและสถานะที่ดีที่บางประเทศอาจจะมีอยู่เก่าก่อนเหือดหายไปได้ ไม่เพียงเฉพาะกับประเทศไทย แต่รวมไปถึงทั้งหมดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและเป็นประเทศที่มีบารมีมากในกลุ่ม เหล่าประเทศที่สื่อมวลชนของตนหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำหรือรายละเอียด ไปจนถึงคำโฆษณาชวนเชื่อปลุกปั่นโดย[บางประเทศ] ในการเสนอข่าวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทย จะกลายเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นของประเทศไทยภายหลังช่วงเปลี่ยนผ่านแผ่นดิน ซึ่งก็พอจะมองเห็นได้ว่า จากประเทศทั้งหมดในหลายๆ ภูมิภาค ประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียจะกลายเป็นประเทศที่มีความเป็นมิตรแน่นแฟ้นกับประเทศไทยมากที่สุด
ประเทศฝั่งตะวันตกและแม้แต่รัสเซียดูราวกับว่าไม่ค่อยจะสนใจ หรือที่แท้ไม่มีความสามารถในการผูกมิตรกับประเทศไทย ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีบทความหนึ่งเขียนโดย[สำนักข่าวหนึ่ง]ของรัสเซีย จะต้องถูกมองโดยคนไทยว่าเป็นการรายงานข่าวเพื่อทำร้ายคนไทยอย่างแน่นอน ถึงแม้บทความนี้จะดูเหมือนว่าถูกเขียนขึ้น ถูกตรวจ และเผยแพร่ โดยนักข่าวระดับล่างไม่กี่คนที่ไม่มีจรรยาบรรณและความเป็นมืออาชีพ
โดยการอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯและกลุ่มผลประโยชน์ แต่กระนั้นแล้ว มันก็จะทำให้ประเทศรัสเซียเสียภาพลักษณ์กันไปหมดทั้งประเทศอยู่ดี ซึ่งก็เหมือนกันกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและบีบีซี ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความรังเกียจ และอิทธิพลหรือบารมีของสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรที่ยังพอจะมีเหลืออยู่ก็ได้รับผลกระทบในทางลบโดยการนำเสนอข่าวอย่างไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย การกระทำของสำนักข่าวจะกลายเป็นแรงพุ่งกระแทกกลับที่คล้ายคลึงกันที่จะทำให้ประเทศรัสเซียเสียสถานภาพอันดีที่เคยมีอยู่ ถ้าความเป็นมืออาชีพในการเสนอข่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
หากประเทศในแถบตะวันตกรวมทั้งประเทศรัสเซียคิดว่าควรจะต้องพยายามผูกมิตรกับประเทศไทยไว้ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ประเทศเหล่านั้นจะต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างระมัดระวังว่าจะต้องเข้าใจระบอบการปกครองและระบบปฎิบัติของเมืองไทย และกำหนดนโยบายของประเทศตนเองให้เข้ากับประเทศไทยได้อย่างเหมาะสม มากกว่าการบังคับให้ประชาชนคนไทยต้องมารู้สึกชอบวัฒนธรรม ระบบการเมือง และระบบเศรษฐกิจ ของตน ซึ่งจักรวรรดิมหาอำนาจต่าง ๆ ในอดีต ก็เคยพยายามบังคับใช้กับคนไทยมาก่อนตลอดประวัติศาสตร์ชาติไทยอันยาวนาน และล้มเหลวมาตลอด
Tony Cartalucci, Bangkok-based geopolitical researcher and writer, especially for the online magazine“New Eastern Outlook”.
ขอบคุณที่มา: ROBERT WANICHAKORN
https://www.facebook.com/notes/robert-wanichakorn/ทำไมการเสด็จสวรรคตของพระมหากษัตริย์ไทยจึงเป็นเรื่องใหญ่/1509559305737168
*บทความนี้มีการตัดทอนบางส่วนจากต้นฉบับแปล
เครดิตภาพ http://www.voathai.com/a/thai-king-passed-away/3548859.html