ดราม่า “คดีขนมไหว้พระจันทร์” สั่นสะเทือนทั้ง บ.อาลีบาบา
ใครจะไปคิดว่า อาลีบาบา บริษัทอีคอมเมิร์สยักษ์ใหญ่ของจีนที่เพิ่งจะได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัท ผู้ว่าจ้างดีเด่นประจำปี 2016 ไปหมาดๆ จะสูญเสียพนักงานหัวกะทิด้านเทคนิคไปหลายคน และยังทำให้วัฒนธรรมองค์กรตกอยู่ในภาวะวิกฤตเพียงเพราะขนมไหว้พระจันทร์ไม่ กี่กล่อง!
“คดีขนมไหว้พระจันทร์” ที่ว่านี้เป็นเรื่องราวที่ทำให้พนักงานในอาลีบาบาได้ฉลองเทศกาลไหว้พระ จันทร์ด้วยความรู้สึกที่แปลกไปจากเดิม เรื่องเกิดมาจาก อาลีบาบาได้พัฒนาเว็บไซต์ภายในไว้ใช้ สำหรับให้คนในองค์กรสั่งขนมไหว้พระจันทร์ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ โดยจุดเด่นอยู่ที่ขายในราคาเท่าต้นทุน ต่อมามีพนักงานที่เป็นหัวกะทิด้านเทคโนโลยีของบริษัทจำนวน 4 คน รู้สึกคันไม้คันมืออยาก"ลองวิชา” จึงได้ใช้เทคนิคบางอย่างทำให้ตนเองได้ขนมไหว้พระจันทร์ จำนวน 133 กล่องมาครอบครอง
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ต อาลีบาบาจึงเรียกประชุมบอร์ดครั้งใหญ่ที่ขนาดแจ๊ค หม่าก็เข้าร่วมด้วย หลังการประชุมนาน 4 ชั่วโมง บอร์ดบริหารได้ตัดสินใจไล่พนักงานเหล่านี้ออก โดยให้เหตุผลว่าที่ต้องใช้มาตรการรุนแรงเช่นนี้ก็เพราะว่า อาลีบาบาเป็นบริษัทที่ต้องกระจายอำนาจการตัดสินใจให้กับบริษัทเล็กๆ และต้องปราบบริษัทที่ซื้อตัดหน้าไปขายเก็งกำไร ดังนั้นคนในบริษัทจะทำตัวเป็นนักเก็งกำไรทางเทคโนโลยีไม่ได้ ฟังดูแล้วก็สมเหตุสมผล แต่ทว่าหลังจากประเด็นดราม่านี้ อาลีบาบาจะยังคงได้ครองตำแหน่ง ผู้ว่าจ้างดีเด่นในใจพนักงานอีกหรือไม่?
นายกัวเซิ่ง ซีอีโอบริษัทจัดหางาน www.zhaopin.com ของจีนกล่าวว่า 5 ปีมานี้ มาตรฐานบริษัทผู้ว่าจ้างดีเด่นในใจลูกจ้างกำลังเปลี่ยนไป พนักงานจีนส่วนใหญ่เริ่มใช้บรรยากาศในการทำงาน การเติบโตอย่างมั่นคง สวัสดิการ ฯลฯ มาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินบริษัทดีเด่นในดวงใจ และสิ่งที่สำคัญมากกว่า วัฒนธรรมการการจิบน้ำชาระหว่างวัน การได้ใส่รองเท้าแตะหรือพาสุนัขเข้าที่ทำงานได้ ก็คือการให้คุณค่าของพนักงานและองค์กรที่ไปในทิศทางเดียวกัน การเติบโตไปพร้อมๆกันระหว่างพนักงานและองค์กร และคนในองค์กรที่มีมุมมองและทัศนคติคล้ายๆกัน