กองทัพแดงผ่านการเดินทัพไกลหลายหมื่นลี้อันแสนหฤโหดมาได้อย่างไร?
กองทัพแดงผ่านการเดินทัพไกลหลายหมื่นลี้อันแสนหฤโหดมาได้อย่างไร?
“เหนื่อยมากแค่ไหน ต้องลองนึกถึงการเดินทางไกล 25,000 ลี้ดู” วลีนี้ไม่ใช่เพียงบทละครธรรมดา แต่เป็นคำพูดที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของ “การเดินทัพทางไกลของกองทัพแดง” หรือในภาษาจีนเรียกว่า “ฉางเจิง”(长征)ในช่วงระหว่างปีค.ศ.1934-1936 โดยกองทหารชาวนาและกรรมกรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ ใต้การนำของ เหมาเจ๋อตง โจวเอินไหล จูเต๋อ นายพลหลินเปียว ฯลฯ ประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดแต่ยิ่งใหญ่หน้านี้ได้ทิ้งสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนรุ่น หลังจดจำได้อย่างขึ้นใจ และสิ่งนั้นจะเป็นอะไรไปเสียมิได้นอกจากความ “เหนื่อยยาก” ของบรรพชน
บนเส้นทางการเดินทัพของกองทหารชาวนาและกรรมกรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์นั้นเต็มไป ด้วยอุปสรรคนานัปการ ยังไม่รวมถึงการตามติดเข้ามาล้อมรอบของกองกำลังฝ่ายศัตรู และการสู้รบอันหฤโหดครั้งแล้วครั้งเล่าเสมือนเป็นบททดสอบอันเหี้ยมโหดที่ ตัดสินระหว่างความเป็นกับความตาย
การเดินทัพที่ต้องใช้สองเท้าก้าวผ่านภูเขาสูง หน้าผาชัน ที่เต็มไปด้วยอันตรายลูกแล้วลูกเล่า ข้ามผ่านกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวของแม่น้ำสายแล้วสายเล่า ความยากลำบากเหล่านี้เราคงนึกภาพตามได้ไม่ยาก และสิ่งที่ตอกย้ำถึงความทุกข์ยากของพวกเขาที่อาจแตะหัวใจของใครหลายๆคนก็คือ ความหิวโหยในยามเดินทัพข้ามผ่านกองหิมะ ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ที่ทำให้คนไม่มีทางเลือกใดนอกจากต้องแทะกินเปลือกไม้ใบ หญ้าเพื่อประทังความหิว
รสชาติของความเหนื่อยยากระหว่างการเดินทางนั้นเป็นสิ่งที่ทหารแดงทุกคนล้วน แต่เคยลิ้มรสมาแล้วทั้งสิ้น แต่ทว่าพวกเขาไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบากหรืออันตราย สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญในยุคสมัยแห่งการปฏิวัติรวม ไปถึงการยืนหยัดต่อสู้อย่างเกรียงไกรของทหารในสมัยนั้น
ท่ามกลางการเดินทางไกลหลายหมื่นลี้ กองทัพแดงเคยมีประกาศบทหนึ่งเขียนไว้ว่า “เราจะต้องเตรียมเดินผ่านทั้ง ทางกว้าง ทางแคบ ทางตรง ทางเลี้ยว ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ข้ามผ่านราตรีมาได้ก็จะเข้าสู่เส้นทางยามกลางวัน และจะต้องเตรียมพบกับทางตัน ข้ามผ่านทางตันไปได้ ก็ยังต้องเตรียมรุดหน้าเพื่อไปต่อให้ทัน!”ความหมายที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัด ของข้อความข้างต้น คือความฮึกเหิมและจิตวิญญาณในการยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ลดละของทัพทหารแดง
เหตุใดพวกเขาจึงยอมอดทนกับความทุกข์ทนอันใหญ่หลวงเหล่านี้?นั่นเป็นเพราะว่า ความลำบากยากเข็ญเหล่านี้เชื่อมโยงกับความเชื่อและรากลึกของจิตวิญญาณ ดังที่เคยมีผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์ได้กล่าวไว้ว่า “ข้ามผ่านการเดินทัพไกลมาได้ก็เหมือนการท่องผ่านนรก อดทนเหน็ดเหนื่อยกับทุกข์ยากลำบากที่ใหญ่หลวงมาได้ขนาดนั้น ยังจะมีสิ่งใดอีกที่พรรคคอมมิวนิสต์เอาชนะไม่ได้? หรือยังจะมีข้อเสียหรือความผิดพลาดใดที่แก้ไม่ได้เล่า?
วันนี้เราจะพาไปดูร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์บางส่วนที่กองทัพแดงได้ทิ้งไว้ ให้อนุชนชาวจีนได้รำลึกถึงความกล้าหาญของบรรพชนของพวกเขาไปพร้อมๆกัน