ไทยปรับขึ้นราคา Visa on Arrival เพื่อต้องการมุ่งไปที่ชาวจีนหรือไม่?
ไทยปรับขึ้นราคา Visa on Arrival เพื่อต้องการมุ่งไปที่ชาวจีนหรือไม่?
กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายนเป็นต้นไปจะปรับค่าธรรมเนียม Visa on Arrival ของนักท่องเที่ยว 18 ประเทศ รวมประเทศจีน จากเดิม 1,000 บาทปรับขึ้นเป็น 2,000 บาท ซึ่งรายงานระบุว่าการปรับราคาครั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลเป็นกังวลว่าจะมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวมากับ “กลุ่ม Visa on Arrival” และมาก่อความวุ่นวายในประเทศ จึงแนะนำให้นักท่องเที่ยวทำวีซ่าก่อนเดินทางดีกว่า
อย่างไรก็ตาม การปรับราคา Visa on Arrival นั้นไม่ได้มุ่งเป้าไปที่จีนแต่เพียงฝ่ายเดียว ยังรวมไปถึงประเทศและพื้นที่อื่นๆอีกเช่น ไต้หวัน อันดอร์รา บัลแกเรีย ภูฏาน ไซปรัส เอธิโอเปีย อินเดีย คาซัคสถาน ลัตเวีย ลิทัวเนีย มัลดีฟส์ มอลตา มอริเชียส โรมาเนีย ซานมารีโน ซาอุดีอาระเบีย ยูเครนและอุซเบกิสถาน
อีกทั้งการปรับราคาครั้งนี้มีผลต่อ Visa on Arrival เท่านั้น ส่วนวีซ่าภายในประเทศก็อยู่ที่ราคา 1,265 บาทดังเดิม ซึ่ง Visa on Arrival ทั้งถูกและสะดวกกว่า ดังนั้นจึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากตัดสินใจทำ Visa on Arrival จนมีนักท่องเที่ยวชาวจีนบ่นว่า สถานที่รับทำ Visa on Arrival ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ”ยาวเลื้อยเป็นมังกร” ต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมงถึงจะเสร็จ
เจิ้งยุนเจ๋อ ผู้อำนวยการบริษัทนำเที่ยว “สวัสดีวันหยุดไทย” ให้ความเห็นว่า “”การปรับขึ้นราคา Visa on Arrival ไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวมาก รัฐบาลปรับราคาขึ้นก็เพื่อให้บริษัทนำเที่ยวเลือกไปทำวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุล เป็นการแก้ไขปัญหาความแออัดของขาเข้าประเทศ
ทั้งนี้ มีชาวเน็ตจีนบางคนแสดงความไม่พอใจต่อการปรับขึ้นราคา ส่วนบางคนก็บอกว่าแถวทำ Visa on Arrival นั้นยาวจริง ตนเองก็ไปทำก่อนที่จะออกเดินทางมาไทย ดังนั้นการปรับขึ้นราคาจึงไม่มีผลกระทบต่อตนเอง
สถิติล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประกาศว่า ช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 19 ล้านเข้ามาเที่ยวในไทย ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 11.87 เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ 5.7 ล้านคน มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 29.5 มากกว่าปีที่แล้วร้อยละ 27.38 นักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน 3.2 แสนคน นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง 4.4 แสนคน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเพิ่มถึง 6.9 แสนคน มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 3.57