ซูเปอร์โพลพบ 85.9% เชื่อกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังวางระเบิด 7 จว.ใต้-ดุสิตโพลเผย 83.64 %หลังประชามติยังขัดแย้งแบ่งผักฝ่าย
การวางระเบิดที่ตลาดเซ็นเตอร์ พ้อยท์ จังหวัดตรัง เวลา 15.00 น.วันที่ 11 สิงหาคม 2559 มีผู้เสียชีวิต 1 คน
ซูเปอร์ โพลสำรวจพบว่าประชาชน 85.9% เชื่อกลุ่มการเมือง'อยู่เบื้องหลังวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ มั่นใจกลุ่มความมั่นคงจับคนร้ายได้ ขณะที่สวนดุสิตโพลพบประชาชน 83.64 % เชื่อว่าภายหลังประชามติจะยังเกิดความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีความเห็นต่างทางการเมือง
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2559 ดร.นพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำ เสนอผลสำรวจเรื่อง สังคมคิดอย่างไร ต่อหน่วยงานความมั่นคงในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,537ตัวอย่าง ดำเนินโครงการช่วงวันที่ 15 - 19 สิงหาคม 2559 พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.4 ระบุ สถานการณ์การเมืองปัจจุบันอยู่ในความควบคุมได้ ในขณะที่ร้อยละ 16.6 ระบุควบคุมไม่ได้
เมื่อสอบถามถึงกลุ่มการเมืองกับเหตุระเบิดที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.9 ระบุคิดว่ามีความเชื่อมโยงกัน ในขณะที่ร้อยละ 14.1 คิดว่าไม่เชื่อมโยงกัน
ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.9 เชื่อมั่นต่อหน่วยงานความมั่นคงจะจับคนร้ายได้ ในขณะที่ร้อยละ 23.1 ไม่เชื่อมั่น
ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.3 ระบุ ความรักความสามัคคีของคนในชาติคือทางออกด้านความมั่นคง ในขณะที่ร้อยละ 4.7 คิดว่าไม่ใช่ทางออก
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.1 ระบุข้อความควรปรับปรุงของระบบรับแจ้งเหตุ 191 คือ ความล่าช้าในการเข้าถึงที่เกิดเหตุ รองลงมาร้อยละ 65.6 ระบุความไม่ชำนาญพื้นที่ของผู้รับแจ้งเหตุ ปัญหาการสื่อสารระหว่างผู้แจ้งกับผู้รับแจ้ง
ร้อยละ 63.4 ระบุไม่มีระบบติดตามผล แจ้งกลับผู้แจ้งเหตุ
ร้อยละ 53.8 ระบุ ความยากในการติดต่อ บริการเต็มหมดทุกคู่สาย สายไม่ว่าง
ร้อยละ 49.8 ระบุระบบผังเมือง ความไม่เข้าใจพื้นที่ของทั้งผู้แจ้งเหตุและ ผู้รับแจ้งเหตุ
ร้อยละ 10.4 ระบุอื่นๆ เช่น การพูดจา มารยาท ความไม่เต็มใจบริการ เป็นต้น
การวางวระเบิดที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเช้าวันที่ 12 สิงหาคม 2559 ก่อนหน้านั้นก็เกิดระเบิด 2 จุดเมื่อคืนวันที่ 11 สิงหาคม
สวนดุสิตโพล 72.43 % อยากเห็นการเมืองไทยดีขึ้น
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมเช่นกัน“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,284 คน ระหว่างวันที่ 15-19 ส.ค.ที่ผ่านมา เรื่อง "การเมืองไทยหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ" พบว่าประชาชนส่วนใหญ่
ร้อยละ 72.43 อยากเห็นการเมืองไทยเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ร้อยละ 61.54 อยากให้เดินหน้าเตรียมร่างกฎหมายลูกและเตรียมการเลือกตั้ง
ร้อยละ 57.8 ระบุว่ายังคงมีความวุ่นวาย ประท้วง ฟ้องร้องเกี่ยวกับการลงประชามติ
ร้อยละ 44.74 รู้สึกเบื่อกับเกมการเมือง มีแต่เรื่องผลประโยชน์
เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่าทิศทางการเมืองไทยหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร พบว่าประชาชน
ร้อยละ 53.43 เห็นว่าการเมืองไทยยังเหมือนเดิม เพราะรัฐบาลยังควบคุมสถานการณ์ได้ ยังคงมีความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ
ร้อยละ 31.2 คิดว่าดีขึ้น เพราะรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบ ทำให้รัฐบาลสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง เดินหน้าตามโรดแม็พที่กำหนดไว้
ร้อยละ 15.37 เห็นว่าแย่ลง เพราะมีการก่อเหตุความวุ่นวาย มีการลอบวางระเบิด ส่งผลต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ
สิ่งที่ประชาชนคิดว่าจะดีขึ้นในการเมืองไทยหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พบว่าประชาชน
ร้อยละ 70.94 เห็นว่ารัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้ตามโรดแม็พ
ร้อยละ 65.89 คิดว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งในปีหน้า
ร้อยละ 60.56 ระบุว่าการสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ
เมื่อถามว่าการเมืองไทยหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ มีอะไรบ้างที่แย่ลง พบว่าประชาชน
ร้อยละ 77.34 ระบุว่าเหตุการณ์ระเบิดในจังหวัดภาคใต้ ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัย
ร้อยละ 63.55 เห็นว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนบางกลุ่ม
ร้อยละ 54.94 ประชาชนบางส่วนยังคงไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ
สิ่งที่ประชาชนคิดว่ายังเหมือนเดิมในการเมืองไทย หลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น พบว่าประชาชน
ร้อยละ 83.64 ระบุว่าความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ความเห็นต่างทางการเมือง
ร้อยละ 66.3 เห็นว่ายังคงมีรัฐบาลทหารดูแลต่อไป
ร้อยละ 59.35 ระบุว่าการทุจริตคอรัปชั่นในโครงการต่างๆ
สวนดุสิตโพล
http://suandusitpoll.dusit.ac.th/UPLOAD_FILES/POLL/2559/PS-2559-1471676518.pdf
เว็บไซต์ ซูเปอร์ โพล
http://www.superpollthailand.net/