นิสัย 5 อย่างที่ทำให้”อีลอน มัสค์” ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างนวัตกรรมสุดล้ำ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น IRON MAN ในชีวิตจริง
ในหนึ่งวันทุกคนต่างมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน คุณไม่สามารถขอเวลาเพิ่มได้แม้จะแค่วินาทีเดียวก็ตาม ถึงรู้อย่างนั้นแล้ว กลับมีใครหลายคน ใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระ ใช้ชีวิตให้เวลามันผ่านเลยไปวันๆ แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งใช้เวลาอย่างมีประโยชน์เพื่อคิดค้นสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ จนในปัจจุบันได้กลายเป็นเศรษฐีพันล้านด้วยวัยที่คาดไม่ถึง และก็ยังมีอีกหลายคนในหมู่เศรษฐีพันล้านที่โดดเด่นกว่าคนอื่น ทั้งยังเป็นที่ชื่นชมของผู้คนทั่วไปด้วยเช่นกัน
อีลอน มัสค์ ถือเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่มีผู้คนชื่นชอบและนับถือมากที่สุดในปัจจุบัน เขายังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจของเขาอยู่เสมอ เห็นได้จากโมเดลตัวที่ 3 ของบริษัทเทสล่าที่เพิ่งเปิดตัวไป และนี้ก็คือเหตุผลที่ว่า
ทำไมมัสค์ถึงดูล้ำหน้ากว่าเหล่าเศรษฐีคนอื่นๆ และเขามีลักษณะนิสัยอย่างไรที่ทำให้เขาโดดเด่นเช่นนี้
ไม่ต่างจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ที่บอกว่าตัวเองอ่านหนังสือวันละ 500 หน้า มัสค์เองก็ถือเป็นหนอนหนังสือตัวยง สมัยเรียนประถมเขาอ่านหนังสือกว่าสิบชั่วโมงต่อวัน โดยตามอ่านทุกสิ่งทุกอย่างในห้องสมุด รวมไปถึง สารานุกรม Britannica ทั้งหมด เขาอ่านหนังสือแบบเรียนของหลักสูตร 6 เดือนจบภายในเวลาแค่ 3 วัน!
2.เขาทุ่มเทให้กับความสนใจของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน
เนื่องจากเขาเป็นคนที่รักการอ่าน การอ่านหนังสือด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก ทำให้มัสค์เชื่อในเรื่องของการเรียนรู้ด้วยตัวเอง เมื่ออายุได้ 12 ปี เขาใช้ทักษะพื้นฐานที่มีอยู่เขียนโค้ดวิดีโอเกมขึ้น ชื่อว่า Blaster และขายให้กับ PC and Office Technology เป็นเงินกว่า 500 เหรียญ นอกจากนั้นมัสค์ยังเรียนปริญญาตรีควบทั้งด้านฟิสิกส์และเศรษศาสตร์ จากนั้นก็ได้ฝึกงานกับบริษัท Ultracapacitor และบริษัทผลิตวิดีโอเกมอีกด้วย
ทุกวันนี้ เขาครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่า 14.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และบริหารธุรกิจหลากหลายชนิด ที่ดูแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย เว้นแต่ว่าทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่มัสค์ให้ความสนใจอย่างแท้จริงนั่นเอง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ในการแสดงเป็นโทนี่ สตาร์ค ตัวละครในหนังเรื่อง“ไอรอนแมน”
3.เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี
นอกจากนิสัยสองข้อแรกที่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักจะมีกัน มัสค์ยังมีอาวุธลับอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ การคิดแบบน้ำครึ่งแก้ว แม้ว่าทุกคนบนโลกจะกล่าวว่าบริษัททั้งสองบริษัทของเขาเป็นบริษัทที่สุดยอดของความสำเร็จ แต่ตัวมัสค์เองกลับไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย
ความลับในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของเขาก็คือความกะตือรืนร้น เขาเติบโตมากับพ่อที่มีอารมณ์รุนแรงและชอบใช้กำลัง ซ้ำยังเคยถูกรังแกที่โรงเรียนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลอีกด้วย เขาเคยกล่าวไว้ว่า
“ถ้าคุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และคิดว่าอนาคตของคุณกำลังจะไปได้สวย วันนั่นคือวันที่ดี แต่ถ้าไม่ ก็ย่อมแปลว่าวันนั่นไม่ใช่วันที่ดี”
มัสค์เชื่อมั่นว่าตัวเขากำลังทำในสิ่งที่ดีและกำลังสร้างความแตกต่างในทางบวกให้กับโลก เขาเชื่อในบริษัทสเปซเอ็กซ์มาก พิสูจน์ได้จากโปสเตอร์ขนาดยักษ์ในออฟฟิศของเขา ซึ่งเป็นภาพของดาวอังคารก่อนและหลังจากที่เขาจะสามารถไปอยู่บนนั้นได้ “ผมอยากตายบนดาวอังคาร ขอแค่ไม่ให้เป็นเพราะอุบัติเหตุตอนลงจอดก็แล้วกัน”
4.เขาเชื่อว่าความล้มเหลวถือเป็นทางเลือกหนึ่ง
ผู้คนนับไม่ถ้วนรวมถึงผู้เชี่ยวชาญหลายคนบอกกับมัสค์ว่า ไอเดียของเขาเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีทางสำเร็จได้ ถึงอย่างนั้นมัสค์ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจและยังคงทำสิ่งต่างๆในแบบที่เขาต้องการ
จริงอยู่ที่บางไอเดียของเขาอาจจะใช้ไม่ได้ แต่อีกหลายๆไอเดียก็ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งในสายตาของบรรดาเหล่านักประดิษฐ์และลูกค้าทั้งหลาย “ความล้มเหลวถือเป็นหนึ่งในตัวเลือก ถ้าคุณยังไม่เคยพลาด นั่นอาจแปลว่าคุณยังไม่เคยริเริ่มสร้างสิ่งใหม่ๆ” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ คนมักจะมีอคติก้อนใหญ่ต่อความเสี่ยง ไม่ว่าใครๆก็ต้องพยายามจะปกป้องตัวเองกันทั้งนั้นแหละ
5.เขาเป็นนักจัดปาร์ตีตัวยง
แอชลีย์ แวนซ์ นักเขียนจาก Businessweek ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับมัสค์เล่มหนึ่ง ชื่อว่า Elon Musk: Tesla, SpaceX, and The Quest for a Fantastic Future ที่เผยมุมชีวิตส่วนตัวของอีลอนที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะความชื่นชอบเข้าสังคมของเขา
และนี่ก็คือบางส่วนจากเรื่องที่น่าทึ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขา
- เขาหาเงินค่าเรียนมหาวิทยาลัยในออนตาริโอ่ ด้วยการเปลี่ยนบ้านของสมาคมชายล้วนในมหาวิทยาลัยให้กลายเป็นไนต์คลับหรู
- ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 30 ปี เขาเช่าปราสาทอังกฤษสำหรับจัดปาร์ตี้ให้แขก 20 คนและเล่นเกมซ่อนหากันจนถึงหกโมงเช้า
- เขาเคยจัดงานปาร์ตี้คอสตูมในเวนิสและแต่งตัวเป็นอัศวิน และเขายังดวลกับดาร์ธเวเดอร์ตัวจิ๋วด้วยร่มกันแดดด้วย
นอกจากเรื่องปาร์ตี้แล้ว มัสค์ยังรู้วิธีหาเรื่องสนุกสนานให้ตัวเองทำอยู่เสมอ
- หลังจากขายวิดีโอเกมแรกของตัวเองได้ พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาก็ได้สร้างร้านเกมตู้ที่ประเทศแอฟริกาใต้
- เขาทำรถ McLaren F1 พัง ตอนขับรถบนถนนแซนด์ฮิลล์ระหว่างทางไปงานประชุมนักลงทุน สุดท้ายเขาเลยโบกรถไปแทน โดยรถสปอร์ตคันที่ว่านี้มีราคาสูงถึงหนึ่งล้านเหรียญ
- เขากำลังจะสร้างรถไฟเหาะรอบสำนักงานใหญ่ของบริษัทสเปซเอ็กซ์
คุณไม่จำเป็นต้องมีปริญญาเอกในการจะเป็นผู้ริเริ่ม
ก่อนเขาจะขาย PayPal และกลายเป็นมหาเศรษฐีหลายพันล้านที่พวกเราชื่นชมนั้น มัสค์ตัดสินใจลงเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแสตนด์ฟอร์ดและลาออกหลังผ่านไปได้แค่ 2 วัน ซึ่งเวลาเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขารู้ว่าคงได้อะไรจากมหาวิทยาลัยไม่มากไปกว่าการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ในขณะที่พวกเราส่วนใหญ่คงเลือกที่จะเรียนปริญญาเอกที่มหาลัยแสตนด์ฟอร์ดแน่นอน แต่มัสค์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเขามีทักษะเพียงพออยู่แล้วที่จะนำตัวเองไปสู่ความสำเร็จ เขามุ่งมั่นตั้งใจในสิ่งทีสนใจ กะตือรือล้นในการเรียนรู้ มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ และไม่กลัวที่จะล้มเหลว