รื้อรีสอร์ทภูทับเบิก เริ่ม 8 กรกฎาคมทวงคืนพื้นที่ตามม.44 แบ่งจัดการ 4 กลุ่ม
จังหวัดเพชรบูรณ์ติดประกาศรื้อรีสอร์ทภูทับเบิก หลังถูกนายทุนบุกรุก ประกอบธุรกิจ บางแห่งก่อสร้างไม่ถูกต้องและปิดขวางทางน้ำ เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มแยก 4 กลุ่มที่ต้องดำเนินการ
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2559 นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 35/2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก ต.วังบาล และต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า หลังมีการประกาศใช้และมีผลในทางปฏิบัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงกำหนดเป้าหมายดำเนินการ โดยแยกกลุ่มเป็น 4 เป้าหมายหลัก ได้แก่
1.กลุ่มที่ถูกศาลตัดสินพิพากษาแล้ว
2.กลุ่มที่ป่าไม้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้วและอยู่ในชั้นสอบสวน
3.กลุ่มที่ทางโยธาธิการและผังเมืองตรวจอาคารมีความเห็นสั่งรื้อจำนวน 50 หลังเนื่องจากสภาพอาคารไม่มั่นคงแข็งแรงปลอดภัย
4.กลุ่มที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการพังทลายของ หน้าดินและปิดกั้นขวางทางน้ำ รวมทั้งมีผลกระทบต่อระบบนิเวศ โดยที่ประชุมมอบให้นายกฤษณ์ คงเมือง รองผวจ.เพชรบูรณ์ รวบรวมคณะทำงานเพื่อเร่งเขียนแผนปฏิบัติการ
นายบัณฑิตย์ กล่าวว่าหลังได้รับคำสั่งจึงได้ประชุมและหารือถึงแนวทางการปิดป้องกรณีนายทุนอาจจะใช้ช่องทางในข้อ 5 ของคำสั่งหน.คสช.ที่ 35/2559 ฟ้อง ร้องเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะประเด็นเลือกปฏิบัติและไม่เกินสมควรแก่เหตุ หลังจากมีข้อมูลว่าทางกลุ่มรีสอร์ทที่สูญเสียประโยชน์มีฝ่ายที่ปรึกษากฎหมาย และพยายามหาช่องในการต่อสู้
“ที่ประชุมเสนอให้มีการปิดประกาศในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ ( 8 ก.ค.) เพื่อแจ้งเป็นขั้นตอนจะหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้ ขณะเดียวกันยังมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง การตรวจยึดทรัพย์ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์เป็นของกลาง รวมทั้งการคำนวณค่าใช้จ่ายดำเนินการเพื่อจะเรียกร้องกับทางรีสอร์ทในภายหลัง โดยให้กำหนดในรายละเอียดขั้นตอนปฏิบัติให้ชัดเจน”นายบัณฑิตย์ กล่าว
ผู้ว่าฯเพชรบูรณ์เปิดเผยว่า การดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับราษฎรชาวเขาที่อาศัยอยู่บนภูทับเบิกแต่อย่างใด เพราะได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2509 เพียง แต่มีบางส่วนที่มาประกอบธุรกิจในเชิงสถานที่พักตากอากาศ รีสอร์ท มีนายทุนจากภายนอกเข้ามาดำเนินการและก่อสร้างไม่ถูกต้อง โดยบางแห่งไปปิดขวางทางน้ำและพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม จึงขอให้รื้อถอนออกไปก่อน และให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำสั่งของทางเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดความ เรียบร้อยและเกิดความสวยงามของภูทับเบิก
ภูทับเบิก
เป็นยอดเขาสูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ระดับความสูง 1,768 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อุณหภูมิที่หนาวเย็นทั้งปีบนยอดภู เป็นชื่อของ “หมู่บ้านม้งทับเบิก”หรือ หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง บนภูเขาสูงของเพชรบูรณ์ ในตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 40 กิโลเมตรและห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 100 กิโลเมตร
ชาวม้งที่นี่มีอาชีพทำการเกษตรเป็นหลัก พืชผักที่มีการปลูกมากที่สุด ก็คือกะหล่ำปลี มีการจัดสรรที่ดินทำกินสำหรับการปลูกกะหล่ำปลีหลายพันไร่บนยอดเขาสูง ทำให้ในช่วงฤดูฝน มีกะหล่ำปลีผุดขึ้นละลานตาเต็มภูเขา โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนของทุกปี
จุดเด่นที่สุดของภูทับเบิก คือการชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา เหนือบรรดาเมฆหมอกที่ลอยอยู่รอบๆ และมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นยอดเขาสูงที่สุดของเพชรบูรณ์ และปลูกแต่กะหล่ำปลีทั่วทั้งหุบเขา ทำให้ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาบดบังทัศนียภาพ และกระแสลมบน
ขณะที่บางเช้าก็มีทะลหมอกขนาดใหญ่ กินบริเวณกว้างทางด้านทิศตะวันออกที่ติดกับอำเภอหล่มเก่า ถือเป็นทะเลหมอกที่ใกล้กับผู้ชมมากที่สุด เพราะหมอกทั้งหมดมาออกันอยู่ด้านข้างจุดกางเต็นท์
หมู่บ้านม้งทับเบิก อยู่ด้านในเลยจากจุดชมวิว เป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ยังคงรักษาวิถีชีวิตตามแบบฉบับม้งดั้งเดิมไว้ นอกจากนี้ยังมีวัดป่าบ้านทับเบิก เป็นจุดท่องเที่ยว และจุดชมวิวที่สำคัญภายในหมู่บ้าน วัดตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผา ติดกับอำเภอหล่มเก่า ทำให้มองเห็นวิวในมุมสูงได้กว้างไกลมาก
บริเวณภูทับเบิก มีรีสอร์ทที่พักจำนวนไม่มากนัก ปัจจุบันนายทุนเข้าไปก่อสร้างจำนวนมาก รวมทั้งยังมีที่สำหรับกางเต็นท์พักแรม แคมปิ้งจำนวนมาก เต็นท์ที่พักให้เช่าแก่ผู้ที่ต้องการค้างคืน เพื่อชมทะเลหมอกตอนเช้า มีร้านอาหาร และร้านจำหน่ายน้ำดื่มไว้รองรับนักท่องเที่ยว หากเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ นักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก ร้านค้ามีไม่เพียงพอกับความต้องการ