"บก.ลายจุด" บอกอย่าปลูกป่าเลย หลัง "โจอี้ บอย" ชวนปลูกป่า มาดูกันว่าทำไม บก.ฯ พูดอย่างนั้น...!?
บก.ลายจุด (สมบัติ บุญงามอนงค์) โพสต์เฟซบุ๊ก “สมบัติ บุญงามอนงค์” เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2559 ถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต หรือ โจอี้ บอย นักร้องชื่อดัง ได้ตั้งชื่อกลุ่มว่า “ปลูกเลย” ร่วมกับคนอื่นๆ เพื่อบอกเล่าถึงความคืบหน้าเรื่องการปลูกป่าที่ จ.น่าน
โดยนายสมบัติ ระบุว่า “อย่าปลูกเลย ข่าวที่นักร้องดังโจอี้บอยเอาจริงที่จะระดมคนไปปลูกป่าที่ จ.น่าน และได้ตั้งเพจปลูกเลย ขึ้นมา ผมรู้สึกดีที่มีคนกรุงเทพอยากเห็นสิ่งแวดล้อมที่ดีกลับมา แต่ผมอยากบอกว่า อย่าปลูกเลย ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ผมไม่เคยเห็นการปลูกป่าจริง ๆ ส่วนใหญ่ปลูกแค่ต้นไม้ เอาแค่เลือกต้นไม้ก็มักออกมาเป็นรูปแบบของไม้เศรษฐกิจ หรือไม้ที่พวกเราเรียนหนังสือกันว่าในป่าต้องมีต้นสักอะไรทำนองนี้ แต่ในความจริงป่ามีต้นไม้นับร้อยนับพันชนิด ป่าที่สมบูรณ์มีเรือนไม้ 7 ชั้น (7ระดับ)
ภูเขาหัวโล้นที่คุณเห็นแล้วเกิดความสะเทือนใจนั้น รากของปัญหามาจากปัญหาความยากจน พวกเขาต้องปลูกพืชเศรษฐกิจระยะสั้นที่เก็บเกี่ยวภายใน 3 เดือน และถึงแม้เขาปลูกต้นไม้ที่อายุยืนขึ้นหน่อย อย่างต้นยางพารา ภูเขาคงไม่หัวโล้นแต่มันก็ไม่ใช่ป่าอยู่ดี ไม่มีแนวต้นไม้เกาะผิวดินที่จะชะลอการกัดเซาะ
คุณเคยไปดูสวนสักของ ออป หรือป่าไม้ปลูกไว้มั๊ย เขาปลูกต้นไม้เชิงเดี่ยว ยืนเข้าแถวเหมือนเด็กนักเรียนเคารพเสาธง ทุกฤดูแล้งต้นสักจะผลัดใบจนหมด เมื่อฝนมาเม็ดฝนจะกระทบดินและงัดเอาหน้าดินไปกับน้ำ หลายพื้นที่คุณไม่สามารถเดินเท้าเปล่าในสวนสักบนเขาได้ เพราะมันมีแต่หิน
ป่าไม่ต้องปลูกครับ เพียงมนุษย์เราไม่ไปรบกวนมัน ภูเขาหัวโล้นที่คุณเห็นจะฟื้นฟูตัวเองด้วยเริ่มจากไม้เบิกนำ ซึ่งได้แก่ หญ้า ไผ่ และ กล้วย ภายในฤดูฝนเดียวภูเขาทั้งลูกก็จะเขียวขจี หลังจากนั้นต้นไม้ชนิดต่าง ๆ ก็จะกลับคืนมา ลองคำนวนว่าถ้าคุณต้องไปปลูกต้นไม้บนเขาสักลูกหนึ่งให้ได้เท่ากับที่ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเองใน 1 ปี คุณต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรเท่าไหร่เพื่อการนี้
คำตอบที่ถูกต้องคือ ช่วยสนับสนุนชาวบ้านให้มีกินและมีป่าอยู่ไปด้วยกัน อย่าให้พวกเขาหิวโหยในขณะที่นั่งดูต้นไม้เขียวๆ แบบที่คนกรุงเทพอยากให้เห็น
ในอินโดนีเซียมีปัญหาเรื่องการทำลายป่าพรุ ก็ที่เป็นข่าวเรื่องควันไฟปลิวมาที่มาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างเราทุกปีนั่นแหละ มีองค์กรแห่งหนึ่งคิดวิธีการระดมทุนเพื่อให้ชาวบ้านช่วยกันดูแลป่าไม้ จ่ายกันเป็นพื้นที่เลย เหมือนเฝ้ายาม ชาวบ้านเข้าป่าแทนที่จะไปเผาหรือถางป่าก็ไปตรวจดูสุขภาพและความเป็นอยู่ของป่าไม้ แถมยังสร้างจิตสำนึกไปพร้อม ๆ กัน จริง ๆ มีวิธีการอีกมากที่ชาวบ้านจะอยู่กับป่าได้โดยไม่รุกรานกัน แต่ผมรับประกันว่าไม่ใช่การไปปลูกป่าแล้วตะโกนให้ชาวบ้านตรงนั้นช่วยกันอนุรักษ์เพียงฝ่ายเดียว
อย่าได้ตีความข้อความนี้เป็นการต่อต้านหรือหมิ่นความปราถนาดีที่คุณโจอี้บอยมีต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม ผมเพียงอยากร่วมกับคุณเพื่อให้สิ่งนี้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด”