การลงทุนมีความเสี่ยง “ต่อสิ่งแวดล้อม” ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน
เขียน โดย รัตนศิริ กิตติก้องนภางค์
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” นี่คือคำเตือนของสำนักงาน ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ที่เรามักได้ยินกันบ่อยคอยเตือนใจนักลงทุนทั้งมือเก่าและมือใหม่ก่อนการลงทุนทุกครั้ง เพราะไม่มีสิ่งใจที่ได้ผลตอบแทนมาโดยไม่มีความเสี่ยง ทั้งด้านเสี่ยงต่อการขาดทุน การล้มละลาย และหากคุณเป็นนักลงทุนหัวใจสีเขียวรักสิ่งแวดล้อมแล้วล่ะก็ อีกปัจจัยสำคัญที่เราควรคำนึงถึงคือ บริษัทที่คุณคิดจะลงทุนด้วยนั้นมีความเชื่อมโยงกับการทำลายสิ่งแวดล้อมหรือไม่?
การลงทุนและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวข้องกันอย่างไร?
ก่อนที่จะเข้าสู่โลกของการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุน ตราสารหนี้ และอื่นๆ คุณจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน ปัจจุบันนี้ทิศทางของการลงทุนกำลังให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า “ส่งเสริมให้ผู้ลงทุนตระหนักถึงการลงทุนระยะยาวในรูปแบบการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ (responsible investment) ควบคู่ไปด้วย โดยส่งเสริมให้ผู้ลงทุนพิจารณาข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) ประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุนด้วย ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ มีความเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่เราควรพิจารณาก่อนการลงทุนว่าบริษัทหรืออุตสาหกรรมที่เราสนใจลงทุนด้วยนั้นมีความรับผิดชอบต่อสังคมแหละสิ่งแวดล้อมเพียงใด หรือกำลังเป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชุมชนอยู่ ซึ่งหากเราร่วมลงทุนกับบริษัทที่ดำเนินอุตสาหกรรมอย่างไม่ยั่งยืน เราอาจจะเป็นผู้ที่ส่งเสริมให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยไม่รู้ตัว
ข้อควรคำนึงก่อนการลงทุน สำหรับนักลงทุนหัวใจสีเขียว
1. ศึกษาข้อมูลของบริษัทหรืออุตสาหกรรมก่อนการลงทุน
สิ่งที่มักเป็นเรื่องผิดพลาดสำหรับนักลงทุนเสมอ คือ การลงทุนตามกระแสหรือตามเพื่อน โดยที่ไม่ศึกษาอย่างละเอียดว่าตรงกับความสนใจของเราหรือไม่ หรือมีเบื้องหลังที่เชื่อมโยงกับการทำลายสิ่งแวดล้อมหรือไม่
2. ศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมของบริษัทหรืออุตสาหกรรม
บางบริษัทมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม และระบบการจัดการทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งนโยบายเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เราอาจต้องศึกษาเพิ่มเติมถึงการนำนโยบายนั้นมาปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมและตรวจสอบได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
3. ตระหนักเสมอว่านักลงทุนคือหัวใจที่สำคัญ
หลายอุตสาหกรรมมีความเชื่อมโยงกับการทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมถ่านหินกับการสร้างมลพิษและการเร่งให้เกิดวิกฤตโลกร้อน อุตสาหกรรมการประมงขนาดใหญ่ที่ดำเนินการด้วยวิธีการประมงเกินขนาดและทำลายล้าง ที่กำลังให้ปลาในทะเลของเราหมดไป เป็นต้น การร่วมซื้อหุ้นหรือกองทุนจึงเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมดังกล่าวยิ่งขึน แต่ในทางกลับกัน นักลงทุนคือผู้ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ เพียงแค่ปฏิเสธไม่ร่วมลงทุนกับบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับการสร้างผลกระทบอันเลวร้ายต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
การลงทุนมีความเสียง แต่การลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้ และส่งเสริมบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยที่ไม่รู้ตัวนั้นมีความเสี่ยงมากที่สุด ก่อนลงทุนครั้งหน้า ลองศึกษาให้แน่ใจก่อนนะคะว่า เงินทุนของคุณจะไม่ถูกนำไปใช้ทำลายสิ่งแวดล้อม
ที่มา: Greenpeace Thailand