ผลผลิตบ้านทองหยอด
ปี 2534 กมลา ทองกร เจ้าของโรงงานทำขนมไทยบ้านทองหยอด สร้างสนามแบดมินตัน ไว้ให้ลูกคนงานเล่นกันระหว่างรอพ่อแม่เลิกงาน น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ที่ตอนนั้นอายุได้ 6-7 ขวบ ไปรอพ่อกับแม่ที่เป็นคนงาน ตามประสาเด็กเธอวิ่งซนไปทั่ว ป้าปุก กมลา เจ้าของโรงงานจึงจัดหาอุปกรณ์ให้น้องเมย์หัดตีแบด น้องเมย์ตีแบดฆ่าเวลาเพื่อรอพ่อแม่เลิกงาน ตีไปตีมากลายเป็นนักแบดมืออาชีพ จนกระทั่งไต่ขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของโลกสดๆร้อนๆ
.
จากสนามแบดมินตันที่เกิดจากแนวคิดให้เด็กตีฆ่าเวลาจะได้ไม่วิ่งเล่นซุกซน กลายมาเป็น โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด จริงๆจังๆและเป็นศูนย์ฝึกนักกีฬาแบดมินตันที่ดีที่สุดหนึ่งเดียวของไทยโดยที่หน่วยงานรัฐอย่างสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยเองยังตามไม่ทัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกร้อยแปดอย่างในโรงเรียนแห่งนี้ มีหอพักสำหรับนักกีฬาเยาวชนที่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัด มีการจ้างโค้ชต่างชาติอย่างชาวจีนมาฝึกสอนให้เด็กจนผู้ปกครองที่อยากจะให้ลูกเป็นนักแบดมินตันต่างก็ต้องส่งลูกหลานมาฝึกฝนที่นี่
.
จากความสำเร็จของโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด นั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของหน่วยงานรัฐที่ไม่สามารถทำศูนย์ฝึกกีฬาดีๆให้เด็กและเยาวชนหรือคนทั่วไปได้ใช้บริการ แต่ต้องมาเดินตามความสำเร็จเจ้าของโรงงานทำขนม และความสำเร็จของน้องเมย์ในครั้งนี้ หากจะมีบุคคลที่สมควรได้รับการยกย่องและปรบมือให้ ก็คงจะเป็นบุคคลผู้เกี่ยวข้องในโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ไม่ใช่ผู้หลักผู้ใหญ่หัวหงอกหัวดำที่คอยแต่จะสวมสูทโก้ๆแล้วเสนอหน้ามาในตอนที่เด็กมันได้เป็นแชมป์แล้ว
.
ยังจำกันได้หรือไม่เมื่อตอนที่น้องเมย์ ตกรอบ 8 คนสุดท้าย ในศึกเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 17 มีคนโทรไปต่อว่าต่อขานน้องเมย์ถึงที่บ้านทองหยอดจนสายแทบไหม้ ป้าปุกต้องได้ออกมาเคลียร์จ้าละหวั่นว่า เด็กมันยังเล็ก จะด่ากันทำไม อนาคตยังอีกไกล ให้โอกาสน้องเมย์กันบ้าง นี่คือตัวตนของป้าปุก น้องเมย์ล้มป้าปุกไม่เคยซ้ำเติมหรือคัดเธอออก มีแต่คอยปกป้องน้องเมย์ด้วยความรักความเข้าใจ ถ้าเป็นสมาคมของรัฐ นักกีฬาแพ้มักจะถูกกาหัวว่าเป็นความล้มเหลว และหันไปผลักดันเด็กคนอื่นต่อไป แต่ที่นี่ บ้านทองหยอด ไม่เคยทำอะไรแบบนั้น บ้านหลังนี้จึงมีแชมป์แบดมินตันหญิงมือหนึ่งของโลกอย่างที่หน่วยงานรัฐไม่มี