แล้งกระทบเศรษฐกิจแสนล้าน หอการค้าคาดฉุดจีดีพีปีนี้โตต่ำ 3%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินผลกระทบจากภาวะภัยแล้งในปีนี้ จะมีมูลค่าราว 1.19 แสนล้านบาท และทำให้จีดีพี ลดลงราว 0.6-0.8% จากที่เคยประเมินไว้ว่าจะขยายตัว 3.0-3.5% ส่งผลให้ จีดีพีของไทยในปี 59 มีโอกาสที่จะขยายตัวต่ำกว่า 3%
นอกจากปัญหาภัยแล้งแล้ว เศรษฐกิจไทยจะยังได้รับผลกระทบจากการส่งออกปีนี้ที่มีโอกาสจะหดตัว จากที่เคยประเมินไว้ว่าจะขยายตัว 0-2% ซึ่งหากการส่งออกหดตัว จะทำให้เม็ดเงินหายไปราว 5 หมื่นล้านบาท ถึง 1 แสนล้านบาท
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผลกระทบของภัยแล้งราว 1.19 แสนล้านบาท แบ่งเป็นผลกระทบจากภาคเกษตร 7.79 หมื่นล้านบาท และผลกระทบจากภาคธุรกิจ 4.14 หมื่นล้านบาท ซึ่งผลกระทบดังกล่าวมาจากการประเมินว่า สถานการณ์ภัยแล้งจะสิ้นสุด ไม่เกินเดือนมิถุนายน 2559 แต่หากสถานการณ์มีผลกระทบยาวขึ้นไปถึงเดือนตุลาคม2559 ความเสียหายจะเพิ่มขึ้นเป็นราว 1.54 แสนล้านบาท และทำให้จีดีพีลดลง 0.8-1.0%
ทั้งนี้พบว่าผลกระทบต่อภัยแล้งต่อภาคเกษตรได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้น จากต้นทุนการหาแหล่งน้ำที่เพิ่มขึ้น และยังทำให้ปริมาณผลผลิตลดน้อยลง รายได้จากการทำการเกษตรลดลง ขณะที่ค่าครองชีพปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อภาระหนี้ของเกษตรกร
โดยจากการสำรวจพบว่า ภาระหนี้สินต่อครัวเรือนของเกษตรกรในปี 59 อยู่ในระดับที่สูงที่สุด โดยมีหนี้เฉลี่ย 1.67 แสนบาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 12.1% จากปี 58 ที่เฉลี่ย 1.49 แสนบาทต่อครัวเรือน
เขา เห็นว่า มาตรการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการในขณะนี้ เพื่อการกระตุ้น รอบใหม่เป็นการทำที่ถูกทาง ในเรื่องมาตรการส่งเสริมการซื้อบ้านขนาดเล็ก หรือ บ้านประชารัฐ เนื่องจากเป็นบ้านราคาถูก ที่จะกระจายไปในจังหวัดต่างๆ ทำให้ผู้รับเหมารายเล็กในพื้นที่ สามารถดำเนินการได้ และเป็นการรองรับแรงงาน จากภาคเกษตรเข้ามา
เมื่อรวมวงเงินของโครงการนี้ราว 7 หมื่นล้านบาท เข้ากับมาตรการที่รัฐบาลจะให้เงินข้าราชการและประชาชนที่มีรายได้น้อย อีก 1.5 หมื่นล้านบาท และเงินจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงสงกรานต์อีกราว 2-3 หมื่นล้านบาท คาดว่าเม็ดเงินที่เกิดขึ้นกว่า 1 แสนล้านบาท จะช่วยพยุงผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งได้