ย้อนรอย 5 คดีดัง ลูกคนรวย ซิ่งรถชนคนตายสยอง!
จากกรณีสะเทือนขวัญ คดีของนายเจนภพ ทายาทพันล้าน ซิ่งเบนซ์ชน 2 นิสิตป.โท เสียชีวิต ที่เรื่องเกือบจะเงียบไป แต่ทนเสียงวิจารณ์จากคนไทยทั้งประเทศไม่ไหว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งสืบสวนหาพยานหลักฐานมาลงโทษเอาผิดให้ได้
วันนี้เราลองมาย้อนรอยคดี คนดัง-ไฮโซขับรถชนคนตายที่โดนสังคมวิพากษ์อย่างหนักหลายชีวิตที่ต้องสูญเสีย ส่วนใหญ่รับโทษแค่รอลงอาญา ขณะที่บางรายยื้อคดียาวหลายปีจนเรื่องเงียบหาย และถูกลืมไปในที่สุด
ด้วยเหตุนี้จึงขอย้อน 5 คดีดัง ที่เกิดจากการขับรถโดยประมาทของเหล่าคนดังที่เกิดขึ้นให้อดีตให้รับทราบดัง นี้
1. นายวรายุทธ อยู่วิทยา ลูกชาย นายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดงซิ่งรถหรูเฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ งานป. สน.ทองหล่อ เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติงาน บริเวณซอยสุขุมวิท 47 แล้วขับรถเข้าไปในบ้านพัก จากนั้นถูกสังคมกดดันพ.ต.ท. ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ได้นำตัว นายสุเวศ หอมอุบลพ่อบ้านของตระกูลอยู่วิทยา เข้ามอบตัวแทนนายวรายุทธจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ต่อมานายวรายุทธได้เข้ามอบตัว แจ้งข้อต่อ นายวรยุทธ 2 ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย และข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน และอัยการพิจารณาฟ้องฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อีก 1 ข้อหา และหลังจากนั้นอัยการได้เลื่อนสั่งคดีหลายครั้ง และไม่สามารถติดตามตัวนายวรายุทธได้ จนกระทั่งมีข่าวว่านายวรายุทธได้เดินทางออกนอกประเทศไป จนขณะนี้เรื่องนี้ได้เงียบหายไปในที่สุด
2. นายพีรพล ทักษิณทวีทรัพย์ ทายาทนักธุรกิจชื่อดังซิ่งรถยนต์ปอร์เช่ป้ายแดง พุ่งชน น.ส.คำใบ อินทิลาด อายุ 17 สัญชาติลาวจนร่างขาดสองท่อน บนถนนย่านนนทบุรีต่อมาได้เดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุหญิงคนดังกล่าวได้วิ่งข้ามถนน รถของตนวิ่งมาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ทันสังเกตุเห็น เบรกรถไม่ทัน จึงได้ชนร่างหญิงสาวกระทบกระจกหน้าแตก เป็นเหตุให้กระจกและขอบหลังคาตัดร่างขาด 2 ท่อน
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถชนแล้วหลบหนีและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องมีการประกันตัวเนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัว และมีการชดใช้ค่าเสียให้กับญาติผู้เสียชีวิต เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท พร้อมเงินสินไหมทดแทน 2 แสนบาท และมอบเงินช่วยเหลือให้อีกจำนวนหนึ่ง ญาติผู้ตายจึงไม่เอาความต่อ
3. นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์หรือ หมูแฮม ที่ลงมือก่อเหตุใช้ก้อนหินทุบใบหน้านายสถาพร อรุณศิริ พนักงานขับรถโดยสาร สาย 513 และขับรถเบนซ์ พุ่งชนผู้โดยสารที่ยืนบนทางเท้า และพนักงานเก็บเงินรถเมล์สาย 513 เสียชีวิต เหตุเพราะไม่พอใจที่รถเมล์คันดังกล่าวขับปาดหน้าหลังเกิดเหตุครอบครัวของหมูแฮม เข้าแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าตัวเป็นบุคคลที่มีโรคประจำตัว เป็นอาการทางจิต ต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่อง
ทางศาลพิจารณาเห็นว่า ไม่น่าเชื่อว่ามีสติฟั่นเฟือน และมีอาการเกร็งขณะเกิดเหตุศาลตัดสินให้จำคุก 15 ปี 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในปี 2552 ต่อมาจำเลยรับสารภาพลดโทษลง 1 ใน 3 เหลือจำคุก 10 ปี 1 เดือนพร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้ได้รับบาดเจ็บ2 ราย เป็นเงิน 8 แสนบาท และ 1 แสนบาทและให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียชีวิตรายละ 2 ล้านบาท แต่ทางครอบครัวได้วางประกัน 5 ล้านบาท โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์คดี
4. น.ส.แพรวา ทายาทนามสกุลดัง ซิ่งซีวิคเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารเสียหลักหมุนไปชนขอบกั้นบนทางด่วนยกระ ดับโทลล์เวย์ บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จนพลิกคว่ำจนมีผู้เสียชีวิต 9 ศพ บาดเจ็บอีกหลายราย
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 55 ศาลเยาวชนฯ ได้มีคำพิพากษาให้จำคุก 3 ปี ฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ ลดโทษให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยให้รอลงอาญากำหนด 3 ปี และให้คุมประพฤติกรรมจำเลยโดยให้รายงานตัวทุก ๆ 3 เดือนทำงานบริการสังคมเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปี ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2557 เช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่ให้เพิ่มระยะเวลาการรอลงอาญาเป็น 4 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี ในช่วงเวลารอลงอาญา 4 ปี ขณะที่ น.ส.แพรวา ได้ยื่นฎีกาสู้คดี แต่ศาลไม่รับฎีกา จึงทำให้คดีสิ้นสุดตามคำพิพากษาดังกล่าว
5. นายเจนภพ วีรพร ทายาทนักธุรกิจกลุ่ม เลนโซ่กรุ๊ป เจ้าของธุรกิจเคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ อุบัติเหตุครั้งล่าสุด
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมาซิ่งเบนซ์พุ่งชนรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้าเป็นเหตุให้นายกฤษณะ ถาวร และนางสาวธันฐภัทร ฮ้อแสงชัยเสียชีวิต2 ราย ล่าสุดทางตำรวจได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และขับรถยนต์ในลักษณะมึนเมาพร้อมคุมตัวฝากขังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 12 วัน แต่ผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวจากศาลเป็นเงิน 2 แสนบาท ศาลจึงพิจารณาให้ประกันตัวเพื่อให้ผู้ต้องหาได้กลับไปพักรักษาตัวต่อที่โรง พยาบาลทั้งนี้อยู่ใน 4 เงื่อนไข คือ ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามขับขี่รถทุกประเภท ให้ยึดใบอนุญาตใบขับขี่ และต้องมารายงานตัวต่อศาลทุกครั้งเมื่อมีหมายศาล
ทั้งทางบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคำสั่งย้ายผู้กำกับ และพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา ไปช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นเวลา 15 วัน และมอบหมายให้ทีมสอบสวนชุดใหม่ดูคดีแทนทั้งหมด หลังเกิดคำถามค้างคาใจชองสังคม
เกี่ยวกับการปฏิเสธการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์แต่ผู้ต้องหาให้การปฎิเสธการ ตรวจ ขณะที่ฝ่ายบิดาของนายเจนภพก็ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ลูกชายจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และวอนสังคมอย่าซ้ำเติมอีกเลย