10 คดีฆาตกรรมเขย่าขวัญครั้งแรกของโลก
10 คดีฆาตกรรมเขย่าขวัญครั้งแรกของโลก
เดือนแห่งความสยอง วันฮาโลวีน (Halloween) นี้มีเรื่องแปลกชวนสยองมาฝากเพื่อนๆ กันอีกแล้ว กับ 10 คดีฆาตกรรมเขย่าขวัญครั้งแรกของโลก ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความตายที่ทั้งแปลกและโหดที่เกิด ขึ้นครั้งแรก อย่ารอช้าไปติดตามกันเลยดีกว่า...
10.การลอบสังหารด้วยระเบิด car bomb ครั้งแรก
การลอบสังหารด้วยระเบิดครั้งแรก นั้น เป็นวันการลอบสังหารที่มีเป้าหมายคือ อับดุลฮามิดที่ 2 ( Abdulhamid II ) สุลต่านจักรวรรดิออตโตมัน ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ในขณะที่พยายามที่จะปฏิรูปจักรวรรดิแต่ไม่มีผู้เห็นด้วยคือคณะพันธมิตรอาร์ เมเนียจึงพยายามติดตั้งระเบิดในรถของสุลต่าน แต่ผลสุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จ แต่ระเบิดก็ฆ่าคนหลายสิบคนตายแทน ทำให้อับดุลฮามิดที่ 2 รอดตายมาได้
9.ใช้อาวุธปืนในการลอบสังหารครั้งแรก
การลอบสังหารด้วยอาวุธปืนมีขึ้น ครั้งแรกโดยมีเป้าหมายเป็นเจมส์ สจ๊วก (James Stewart) พี่ชายต่างมารดาของราชินีแมรี่แห่งสก็อตแลนด์ ซึ่งคุมอำนาจทางการเมืองและจัดการทุกคนที่จงรักภักดีกับแมรี่ เจมส์ แฮมิลตัน(James Hamilton) เป็นคนจงรักภักดีกับแมรี่ เขาโกรธแค้นเจมส์ สจ๊วกมาก เขาเลยวางแผนลอบสังหารอย่างรอบคอบ จนกระทั่งวันที่ 23 มกราคม 1570 เขาใช้ปืนไรเฟิลทองเหลืองยิงใส่เจมส์ สจ๊วก ซึ่งการลบอบสังหารดังกล่าวได้ถูกบันทึกว่าเป็นการใช้ปืนลอบสังหารครั้งแรก และเจมส์ สจ๊วกถูกฝังในโบสถ์เซนต์โจลส์ในเอดินบะระ
8 . มนุษย์คนแรกที่ถูกฆ่าตายโดยหุ่นยนต์
โรเบิร์ต วิลเลียมส์เป็นคนแรกที่ถูกฆ่าตายจากจลาจลหุ่นยนต์ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 1979 โรเบิร์ต วิลเลียมส์เป็นคนทำงานในโรงงานรถฟอร์ด ในมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาถูกแขนหุ่นยนต์หนัก 1 ตันตีเข้าที่ศีรษะตายทันที แขนหุ่นยนต์มีหน้าที่เคลื่อนย้ายของไปยังอีกทีหนึ่ง แต่ในเวลานั้นปรากฏวามันทำงานช้าเกินไป โรเบิร์ตเลยพยายามขึ้นไปที่จะคว้าดึงมันกลับมา แต่เขาก็ถูกแขนหุ่นยนต์ตีและเสียชีวิตทันที และนั้นได้กลายเป็นอุบัติร้ายแรงครั้งแรกของหุ่นยนต์
7.ฆาตกรหญิงที่ฆ่าคนมากที่สุด
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ (Countess Elizabeth Báthory) เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้หญิงที่หลายคนรู้จักกันดีที่ฆ่าผู้หญิงหลาย ร้อยคนในปราสาทของเธอ แน่นอนว่าเธอไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของโลก แต่เธอเป็นหนึ่งในฆาตกรที่มีชื่อเสียงที่สุด
เคาท์เตส อลิซาเบธ บาโธรี่ เป็นผู้ปกครองในพื้นที่ของฮังการี เป็นหญิงสาวที่มีความเชื่อในเรื่องชีวิตที่เป็นอมตะ และต้องการคงร่างของตนเองให้คงดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ จึงมีความคิดที่ว่า หากได้อาบเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์แล้ว จะทำให้ตนเองดูอ่อนเยาว์ได้ตลอดไป เป็นผลทำให้เธอล่อลวงและพาหญิงสาวจำนวนมากเข้าไปในปราสาทก่อนที่จะทรมานและ ฆ่าพวกเธอเพื่อนำเลือดมาอาบร่างกายของเธอ จำนวนผู้ตกเป็นคาดว่ามีมากกว่า 600 คน สุดท้ายเธอก็ถูกลงโทษให้ถูกกักบริเวณในบ้านและเธอเสียชีวิตลงในอีก 4 ปีต่อมา เธอได้รับสมญานามว่า The Blood Countess และ Countess Dracula
6 .การอ้างว่าเป็นบ้าครั้งแรกเพื่อหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิตในสหรัฐฯ
ในขณะที่คดีความวิกลจริตมีมา ตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ แต่ข้ออ้างว่าคนก่อคดีเป็นบ้าวิกลจริตเพื่อหลีกเลี่ยงโทษประหารนั้นพึ่งมีใน สหรัฐนั้นคือการตัดสินโทษของนายอัลวิน ฟอร์ด (Alvin Ford) ฟอร์ดถูกตัดสินลงโทษมนคดีฆาตกรรมในปี 1974 และตัดสินประหารชีวิต ในช่วงต้นเดือน 1982 แต่ระหว่างที่เขาถูกจำคุกเขาอ้างตนเองว่าเป็นพระสันตะปาปาและบอกผู้คุมว่า เขาพยายามหยุดแผนการสมรู้ร่วมคิดหลายครั้ง และเมื่อศาลฏีกาตรวจสอบก็พบว่าเขามีอาการทางจิต และอีกทั้งรัฐธรรมนูญสหรัฐระบุว่าห้ามดำเนินคดีกับคนบ้า ดังนั้นพวกเขาจึงยกเลิกโทษของเขาและถูกส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลทางจิต
5.การประหารชีวิตครั้งแรกด้วยการดื่มยาพิษ
โสกราตีส (Socrates) เป็นหนึ่งในชายที่เฉลียวฉ,ดที่สุดในสมัยโบราณ แต่อุดมการณ์ของเขามักจะขัดแย้งให้กับคนใหญ่คนโตในเอเธนส์ โดยเฉพาะเขายกย่องสปาร์ต้าคู่ปรับของเอเธนส์ ดังนั้นเขาจึงถูกกล่าวหาว่าโสกราตีสเป็นผู้ที่สร้างความเสื่อมศรัทธาในศาสนา และเยาวชนในกรุงเอเธนส์และถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการถูกบังคับให้ดื่ม เอ็นคอร์ และนั้นเป็นการตัดสินประหารชีวิตด้วยการดื่มยาพิษครั้งแรกในประวัติศาสตร์
4 .หลักฐานดีเอ็นเอถูกใช้ในการไขคดีอาชญากรรมในห้องพิจารณาคดีครั้งแรก
ดีเอ็นเอถูกใช้ในการไขคดีอาชญากรรม ในห้องพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อนายโรเบิร์ต มีเลียสถูกพบว่ามีความผิดจริงในคดีข่มขืน ในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ ก่อนหน้านั้นนายโรเบิร์ต มีเลียสได้เข้าไปได้ข่มขืนหญิงพิการอายุ 45 ปี และขโมยเครื่องเพชรไปและต่อมาก็ถูกจับได้ในข้อหานักย่องเบา เหยื่อที่ถูกข่มขืนยืนยันว่านายโรเบิร์ตคือุ้ทำร้ายเธอ
ผลการตรวจสอบดีเอ็นเอบนเสื้อผ้าของ เหยื่อซึ่งมีลักษณ์เป็นบาร์โค้ดตรงกับดีเอ็นเอจากเซลล์เม็ดเลือดขาวของนายโร เบิร์ต เขาถูกไต่สวนและตัดสินว่ามีความผิดฐานข่มขืนและลักทรัพย์ และผลการใชข้ดีเอ็นเอในการสอบสวนนี้ก็กลายเป็นส่วนสำคัญที่ถูกนำมาใช้เป็น หลักฐานลงโทษอาชญากรและการช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ออกจากคุกมากมายในเวลาต่อมา
3.การลอบสังหารที่ออกอากาศสดครั้งแรก
หลังจากที่ถูกกล่าวหาว่ายิง ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนนาดี้ ตำรวจได้ทำการจับกุม ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald) ในข้อหาต้องสงสัยว่าลอบสังหาร และในขณะที่พวกเขากำลังคุมตัวเขาไปยังสถานีตำรวจอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งชื่อ แจ๊ก
รูบีก้าวออกมาจากฝูงชนแล้วใช้ปืน ยิงที่กระเพาะอาหารขอออสวอลด์ทั้งที่กล้องโทรทัศน์เครือข่ายกำลังออกอากาศสด อยู่ในขณะนั้น และผู้ชมหลายล้านคนเห็นภาพการยิงขณะที่เกิดขึ้น ในเขาเสียชีวิตในเวลาต่อมา และเขาก็ได้กลายเป็นชายคนแรกที่ถูกฆ่าตายในขณะที่มีการถ่ายทอดสด
2.ประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษครั้งแรก
คนแรกที่ถูกประหารด้วนการฉีดยาพิษ ให้ตายคือชายชื่อชาร์ลส์ บรูคส์ที่ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตในข้อหาสังหารช่างรถเดวิด เกรกอรี่ ในฮันท์สวิล เท็กซัส ในปี 1982 การประหารด้วยยาพิษนั้นเขาจะได้สารพิษสามชนิด
ชนิดแรกคือยาที่ทำให้เขาหลับลึก เข็มที่สองทำให้กล้ามเนื้ออัมพาต และเข็มสุดท้ายทำให้หัวใจวาย การประหารแบบนี้เห็นว่ามีมนุษยธรรมกว่าตัวเลือกอื่นๆ อย่างรมแก๊สตาย, แขวนคอ หรือประหารชีวิดด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า ทำให้วิธีดังกล่าวมี 100 ประเทศทั่วโลกเลือกใช้ รวมถึงประเทศไทย
1.ฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นเด็กคนแรก
แมรี่ เบล(Mary Bell) เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นเด็กคนแรกที่ถูกบันทึกอย่างเป็นทางจากคดีข้อหา ฆาตกรรมเด็กสองคน แมรี่ เบลล์จากนิวคาสเซิล ทางตอนเหนือของอังกฤษโดยนั้นเวลานั้นมีอายุเพียงแค่ 11 ปี (เกิดปี 1957 )เป็นเด็กสาวชาวอังกฤษที่แม่เป็นเสเภณีที่บังคับให้ลูกสาวของเธอบริการทาง เพศแก่ลูกค้า
วันที่ 25 พฤษภาคม ปี 1968 แมรี่ เบลล์บีบคอเด็ก มาร์ติน บราวน์ เด็กชายอายุ 3-4 ขวบ จนถึงแก่ความตายในบ้านร้าง ต่อมาเธอฆ่าเด็กชายไบรอัน โฮล วัย 4 ขวบ และสลักที่ท้องของเด็กชายด้วยอักษรย่อ M ด้วยใบมีดโกน หลังจากถูกจับกุมแมรี่ เบลถูกจำคุกและไปบำบัดจิต ปี 1980 เธอถูกปล่อยตัวจากคุกเมื่ออายุได้ 22 ปีทั้งๆ ที่รักษาโรคจิตไม่หาย เธอมีลูกและหายสาปสูญไปจากสังคม และวันที่ 21 พฤษภาคม ปี 2003 ทางการก็ประกาศว่าเธอเป็นบุคคลนิรนาม