ยาเสพติดกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในลุ่มน้ำโขงและสามเหลี่ยมทองคำ
ยาเสพติดกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในลุ่มน้ำโขงและสามเหลี่ยมทองคำ
แม้ลำน้ำโขงและพื้นที่รอยต่อสามเหลี่ยมทองคำทุกวันนี้ จะเต็มไปด้วยเรือตรวจการณ์รักษาความปลอดภัยของนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือและกองกำลังลาดตระเวนของเมียนมาและลาวที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน จนปัญหาโจรดักปล้นเรือสินค้าที่เคยเป็นที่เลื่องลือกันนั้นหมดไป แต่ปัญหาความมั่นคงปลอดภัยอีกเรื่องกลับไม่เคยลดความรุนแรงลง นั่นก็คือปัญหาการผลิตและค้ายาเสพติด โดยสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประมาณการว่า มูลค่าการจำหน่ายเฮโรอีนและยาบ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น สูงถึง 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2013 ซึ่งถือเป็นเงินรายได้ที่มากกว่าขนาดของเศรษฐกิจโดยรวมในบางประเทศเสียอีก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีนนั้นเป็นตลาดใหญ่ของยาเสพติดที่ผลิตในเมียนมา ซึ่งไม่นานมานี้ปริมาณการผลิตและจำหน่ายยาเสพติดทั่วเอเชียมีเพิ่มสูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยทางการทั่วภูมิภาคเอเชียสามารถตรวจยึดยาบ้าได้กว่า 250 ล้านเม็ด ในปี 2013 ซึ่งเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าเมื่อเทียบกับของปี 2008 ส่วนทางการจีนนั้นเมื่อปีที่แล้วสามารถตรวจยึดยาบ้าได้ถึง 36.5 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดทำลายสถิติที่เคยมีมา คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดแห่งชาติจีน (NNCC) ระบุว่าเมื่อปีที่แล้ว จำนวนสถิติผู้ใช้ยาเสพติดของทางการเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านคนเช่นกัน และรัฐบาลมีความกังวลต่อกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบนำเข้าและค้ายาเสพติดด้วย
มีหลายปัจจัยด้วยกัน ที่ทำให้การค้ายาเสพติดในแถบสามเหลี่ยมทองคำยังคงเฟื่องฟูในทุกวันนี้ เช่นการที่พรมแดนของเมียนมาและลาวนั้นแทบไม่มีการลาดตระเวนตรวจตราเลย เนื่องจากส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่รกทึบและบางส่วนอยู่ในการยึดครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย พื้นที่บางส่วนของสองฝั่งลำน้ำโขงเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรนอกกฎหมายย่อย ๆ ของกลุ่มอิทธิพลที่ค้ายาและฟอกเงินกันอย่างมหาศาลอีกด้วย นอกจากนี้ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของหลายประเทศในแถบนี้ มักขาดการสนับสนุนทางการเงินและขาดการฝึกอบรม ข้อมูลข่าวกรองที่ได้มาก็ไม่มีการแบ่งปันกันอย่างทั่วถึงนัก
นับจากเหตุปล้นเรือสินค้าจีน ที่ทำให้ลูกเรือเสียชีวิตไป 13 คน เมื่อปี 2011 จีนได้ส่งเรือปืนลาดตระเวนของตนล่องตรวจการณ์ในลำน้ำโขง รวมทั้งจัดการลาดตระเวณร่วมกับทางการเมียนมาและลาวอีกด้วย เช่นที่เมืองมอมซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งโขงในแขวงบ่อแก้วของลาว ก็มีการส่งหน่วยตำรวจจีนมาประจำการ ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการสกัดจับและยึดยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก แต่หลายฝ่ายก็ยังเห็นว่าจะต้องเพิ่มการลาดตระเวนตรวจตราให้มากกว่านี้ เพราะยังมีบางพื้นที่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็น “หลุมดำ” ที่ทางการเข้าไม่ถึง เช่นเมืองท่าสบ ลเว ของเมียนมา ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญ มีทั้งธุรกิจการพนัน การค้าโสเภณีและยาเสพติดที่นั่น แต่ทางการกลับไม่มีอำนาจควบคุมพื้นที่ นอกจากนี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมายังเกิดท่าเรือของกลุ่มอิทธิพลขึ้นหลายแห่งในลาว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและของผิดกฎหมายเช่นกัน ปัญหานี้บรรดาประเทศลุ่มน้ำโขงจะต้องร่วมกันหามาตรการแก้ไข เพื่อที่จะสามารถปราบปรามการแพร่ขยายของยาเสพติดในภูมิภาคอย่างได้ผลต่อไป