ห้าม "Grab Bike" ให้บริการ พบจับปรับสูงสุด
กรมการขนส่งทางบก เชิญแกร็บ ไบค์ ชี้แจงการให้บริการขัดต่อกฎหมาย เพราะผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตสาธารณะ และไม่ได้ถูกจัดระเบียบโดย คสช. ขอความร่วมมือให้หยุดให้บริการทันที หากพบนำมาวิ่งให้บริการอีกต้องถูกปรับหลายข้อหา
วานนี้ (15 มี.ค.) กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ได้เชิญ ผู้บริหารจาก Grab Bike เข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบถึงระเบียบและข้อกฎหมายในการให้บริการรถจักรยานยนต์สาธารณะ โดยได้ผลสรุปว่า กรมการขนส่งทางบกไม่ปฏิเสธ การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเรียกใช้บริการรถสาธารณะ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบที่กฎหมายอนุญาตเท่านั้น ซึ่งขณะนี้การให้บริการของ Grab Bike ยังขัดต่อกฎหมาย
Grab Bike ขัดกฎหมาย 5 ข้อ
1.ไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย
2.ผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ
3.ไม่มีข้อมูลในศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ
4.ไม่ได้วิ่งอยู่ในเส้นทางหรือท้องที่ที่ได้รับอนุญาต
5.ไม่ได้รับการจัดระเบียบจาก คสช.
เนื่องจาก ไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ ไม่มีข้อมูลในศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ ไม่ได้วิ่งอยู่ในเส้นทางหรือท้องที่ที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งไม่ได้เป็นกลุ่มรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ได้รับการจัดระเบียบจากคสช. ในช่วงที่ผ่านมา จึงขอให้บริษัท Grab Bike ยุติการให้บริการตั้งแต่บัดนี้
หากฝ่าฝืนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง จะดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมายในทุกขั้นตอน
ในส่วนของกรมการขนส่งทางบก หากพบการฝ่าฝืน จะเปรียบเทียบปรับสูงสุดทุกราย ในความผิดฐานนำรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาใช้รับ-ส่งผู้โดยสาร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่งกายไม่ถูกต้องตามประกาศ กรมการขนส่งทางบก ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ไม่แสดงใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท และบันทึกประวัติความผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก เพื่อนำมาสู่กระบวนการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต่อไป
ทั้งนี้ หากฝ่าฝืนซ้ำซาก หลังถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว จะไม่สามารถดำเนินการขอใหม่ได้จนกว่าจะพ้นระยะเวลา 3 ปี