นายกเยอรมันประณามชาติยุโรปพากันปิดพรมแดนไม่รับผู้อพยพทำกรีซอ่วม
เบอร์ลิน/เวียนนา (เอเอฟพี/รอยเตอร์)- นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี ประณามหลายชาติในยุโรปปิดพรมแดนไม่ให้ผู้อพยพผ่านเข้าประเทศ ส่งผลให้กรีซตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากต้องรับผู้อพยพที่ข้ามน้ำข้ามทะเลเพียงประเทศเดียว
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ออกมาประณามหลายชาติในยุโรปที่ดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวในการปิดพรมแดนและเส้นทางป้องกันไม่ให้ผู้อพยพผ่านเข้าประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบคาบสมุทรบอลข่าน ซึ่งเธอระบุว่า เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้กรีซตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากและเป็นสิ่งที่ผิด ทั้งในส่วนของการดำเนินนโยบายและมนุษยธรรม และว่าการตัดสินใจดำเนินการ ในลักษณะดังกล่าว ควรได้รับความเห็นชอบจากสหภาพยุโรป หรืออียูทั้งหมด
โดยออสเตรีย สโลวีเนีย โครเอเชียและสองชาติที่ไม่ได้เป็นสมาชิกอียู คือ เซอร์เบียและมาซิโดเนีย ต่างปิดพรมแดนของตนเพื่อสกัดกั้นการหลั่งไหลของผู้อพยพ ขณะที่อียูและตุรกีซึ่งเป็นประเทศต้นทางที่ผู้อพยพเดินทางเข้าไปยังกรีซได้กำหนดแผนการเพื่อคลี่คลายวิกฤติดังกล่าวแล้ว โดยภายใต้ข้อเสนอดังกล่าวที่เกิดขึ้นใน ที่ประชุมสุดยอดในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่อยู่ ในขั้นตอนสุดท้ายกำหนดให้ผู้อพยพทั้งหมดที่เดินทางจากตุรกีเข้ากรีซ จะถูกส่งกลับไปยังตุรกี
ด้านนายโดนัลด์ ทรัสค์ ประธานมนตรียุโรปหรืออีซี แถลงว่า แผนการดังกล่าวจะยุติการอพยพเข้ายุโรปที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นวิกฤติที่เลวร้ายที่สุดในยุโรปตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
สำหรับการเคลื่อนไหวปิดพรมแดนของประเทศในคาบสมุทรบอลข่าน เริ่มต้นด้วยออสเตรียที่ประกาศว่า จะจำกัดจำนวนผู้อพยพข้ามพรมแดน จากนั้นเมื่อบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา สโลวีเนีย แถลงว่า จะอนุญาตให้เฉพาะผู้อพยพที่มีแผน ขอลี้ภัยในประเทศหรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างชัดเจนเท่านั้น ตามด้วยเซอร์เบียและโครเอเชียก็ประกาศควบคุมพรมแดนทันทีเช่นกันและเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มาซิโดเนีย ซึ่งมีจุดผ่านพรมแดนที่ติดกับกรีซ ก็ประกาศปิดพรมแดนทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ทำไห้มี ผู้อพยพประมาณ 14,000 คนติดค้างอยู่บริเวณจุดผ่านแดนที่ติดกับกรีซ