เรารู้สึกเริ่มไม่ตลกแล้วล่ะ ..... รู้สึกว่า เฮ้ยยยย นี่เราต้องปล่อยให้ลูกหลานเราให้เติบโตมากับ "ตุ๊กตา" พวกนี้จริงๆเหรอ ??

เราไม่ว่านะถ้าใครใจอ่อนแอ หรือเหงา หรือเคว้งคว้าง จนต้องหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ บางคนเลี้ยงกุมารทอง บางคนเลี้ยงสัตว์ บางคนเลี้ยงเพื่อน บางคนใช้การทำงาน บางคนใช้การกิน บางคนใช้โลกโซเชียล ฯลฯ เพื่อทำให้มีตัวตน ทำให้ได้รับการยอมรับ ทำให้รู้สึกว่ายังมีใครซักคนบนโลกนี้ ทำให้รู้สึกว่ามีที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ บางคนทำเพราะแค่อยากมีส่วนร่วมตามกระแส

แต่อยากให้คิดนิดนึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันมีขายส่ง มันมีปลุกเสกตามออร์เดอร์จากใครคนไหนก็ไม่รู้ก็ได้เหรอ อาจเป็นคนที่พึ่งทำผิดลูกผิดเมียเค้ามา คนที่เพิ่งใช้เงินจากการหลอกลวงจากความศรัทธาของเราไปในบ่อน คนที่ออกไปด่าพ่อล่อแม่คนอื่นหลังจากปลุกเสกเสร็จ มันยังจะศักดิ์สิทธิ์อีกเหรอ เดรัจฉานวิชาจะปกป้องคุ้มครองเราให้เจริญรุ่งเรืองได้จริงเหรอ เกจิบ้านเราแม่งจะเยอะเกินไปแล้วมั้ง .....

อย่าให้ความไม่รู้ ไม่ได้สติมาบังตาและซ้ำเติมชีวิต จากแค่เหงา แค่เคว้งคว้าง แค่เหนื่อย แค่เศร้า แค่ไร้ทิศทาง แค่นี้มันก็แย่พอแล้ว แต่เรายังเลือกทำร้ายชีวิตด้วยการปล่อยให้สิ่งเหล่านี้มาเพิ่มความเลวร้ายให้กับชีวิต โดยการดูดกลืนสติ ความคิด เหตุผล ใช้ชีวิตด้วยความหวังพึ่งโชคชะตา เลิกเพียรพยายาม เลิกลงมือกระทำแล้วนั่งรอชะตาจากฟ้า ...

เราควรให้ลูกหลานเราเติบโตมาแบบนี้จริงๆเหรอ ???

และที่น่าตระหนกตกใจที่สุดคือ การที่ผู้มีความรู้ ผู้บริหารที่ถึงพร้อมด้วยวุฒิภาวะ ความรู้ ความสามารถ มีวิชั่น มีการศึกษา ต่างยอมเห็นแก่เงิน เกาะกระแส คิดน้อยไปหน่อย หรือไม่ได้คิดอะไรเลย สนับสนุนให้สิ่งเหล่านี้คือเรื่องปกติ เรื่องธรรมดา เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ...

ในขณะอีกซีกโลกนึงกำลังสำรวจดาวอังคาร แต่เรากลับเลือกช่วยกันขุดตัวเองลงไปนั่งหลุมศพ ด้วยการเฮฮา ปล่อยให้ตุ๊กตาเส็งเคร็งนี่กลายเป็นเรื่องชิลๆในสังคม สินค้าบริการต่างๆ กลับใช้กระแสนี้ในการทำโปรโมชั่นดูดเงิน สื่อต่างๆยังออกข่าวเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย ให้ชาวโลกมานั่งขำปนสมเพชประเทศเรา ..... หน่วยงานไหนช่วยลุยลงไปจัดการทีเถอะว่ะ แม่งเริ่มไม่ตลกแล้วจริงๆ