"พยาธิในปูเค็ม กินสมองถึงตายได้"
พยาธิในปูเค็มกินสมองมนุษย์ถึงตายได้ ส้มตำปูเค็มที่เป็นปูน้ำจืด อันตรายมากๆ เพราะในปูเค็มที่ดองนั้นเต็มไปด้วยพยาธิใบไม้ในปอด และพยาธิอีกหลายชนิด ตัวที่ร้ายที่สุดมันจะไปชอนไชสมอง ทำให้เลือดออกในสมอง และอาจเสียชีวิตทันที
ส้มตำปูเค็ม ที่มีขายอยู่ทั่วไปนิยมใช้ปูเค็มน้ำจืด ฉะนั้น วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือเลิกทานปูเค็ม และแม้ว่าคุณจะสั่งส้มตำไทยไม่ใส่ปู แต่ครกที่ใช้ตำก่อนหน้านั้นเป็นส้มตำปู ก็มีปูติดอยู่ที่ครกอยู่ดี โรคพยาธิในปอดจากปูเค็มจะรักษายาก เพราะแพทย์อาจวินิจฉัยโรคผิด เพราะเกิดการสับสน จากอาการที่แสดงออก โดยคิดว่าเป็นอาการของวัณโรคที่ปอด เพราะอาการคล้ายกัน เพราะฉะนั้น เพื่อความปลอดภัยหลีกเลี่ยงทานปูเค็มไปเลยจะดีกว่า ด้วยความห่วงใยทุกๆ คน
.............................
"เปิบส้มตำปูดิบๆ เสี่ยงพยาธิไชปอด"
เปิบส้มตำปูดิบๆ เสี่ยงพยาธิไชปอด ความเสี่ยงในการรับประทานปูนาดิบที่อาจจะพบของแถมเป็นปลิง หรือพยาธิ โดยเฉพาะที่ใส่ลงไปในส้มตำ แต่ดูเหมือนประชาชนยังไม่ได้ตระหนักเท่าที่ควร
แม้แพทย์จะออกมาเตือนบ่อย ๆ เกี่ยวกับความเสี่ยงในการรับประทานปูนาดิบที่อาจจะพบของแถมเป็นปลิง หรือพยาธิ โดยเฉพาะที่ใส่ลงไปในส้มตำ แต่ดูเหมือนประชาชนยังไม่ได้ตระหนักเท่าที่ควร เปิบส้มตำปูกันอย่างแพร่หลายเช่นเดิม ล่าสุดหนุ่มชาวกรุงสั่งส้มตำปูรสเด็ด แงะกระดองปูออกก็เจอแจ๊กพอต ได้พยาธิตัวเป็น ๆ ติดมาด้วย ต่อเรื่องนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เล่าให้ฟังว่าเพราะปูจะกินอาหาร จากทั้งในดิน และในนํ้า จึงสะสมความอันตรายเอาไว้ 2 อย่าง คือด้วยการสะสมเชื้อโรค ต่าง ๆ จำนวนมาก โดยหลัก ๆ จะพบอยู่ 2 อย่างคือแบคทีเรียที่มีทั้งชนิดรุนแรงและไม่รุนแรง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดท้องเสีย แต่แบคทีเรียพวกนี้สามารถฆ่าได้ด้วยความร้อน ความเสี่ยงอีกอย่างคือได้สัตว์นํ้าอย่างอื่นตามมา อาทิ “ปลิง”
ซึ่งตามปกติไม่สามารถอยู่ในตัวคนได้ เมื่อรับประทานเข้าไปจะถูกนํ้าย่อยย่อยทำให้ตายได้ แต่เชื้อโรคที่มากับปลิงอาจจะเข้าสู่ร่างกายได้เช่นกัน แต่ที่เป็นปัญหามากจากการรับประทาน ปูนา คือ พยาธิ ซึ่งมีหลายชนิดมาก ทั้งพยาธิตัวจี๊ด แต่ที่พบปัญหาจริง ๆ คือ “พยาธิใบไม้ในปอด” เวลากินปูดิบ ๆ เข้าไปก็มีโอกาสกินไข่ หรือตัวอ่อน ของพยาธิตัวนี้เข้าไป ซึ่งนํ้าย่อยในกระเพาะไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ แม้พยาธิตัวนี้จะไม่สามารถแพร่พันธุ์ในตัวคนเราได้ แต่จะชอนไชเข้าไปในปอดฟัก ตัวอยู่ประมาณ 1 เดือนจนทำให้มีอาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด และทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งบางคนจำไม่ได้ด้วยซํ้าว่าไปกินอะไรมา ทั้งนี้ การรักษามี 2 อย่าง คือ
1. รับประทานยาฆ่าพยาธิ แต่ตรงนี้ต้องเตือนก่อนว่าห้ามไปซื้อมารับประทานเอง เพราะยาฆ่าพยาธิที่มีในท้องตลาดไม่สามารถฆ่าพยาธิใบไม้ในปอดให้ตายได้ ต้องเป็นยาแรงที่แพทย์สั่งจ่ายเท่านั้น และในกรณีที่เป็นรุนแรงถึงขั้นเลือดออกไม่หยุดจะต้องผ่าตัด แต่สิ่งสำคัญการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือดแพทย์อาจจะไม่ได้นึกถึงโรคพยาธิใบไม้ปอดเจอได้น้อย และยังมีอาการคล้ายกับวัณโรค ปอดอักเสบ หรือมะเร็ง มากกว่า นี่จึงเป็นความท้าทายในการวินิจฉัย ในประเทศไทยโอกาสเจอผู้ป่วยไม่มากนัก นาน ๆ เจอที ถ้าเทียบปีหนึ่งไม่ถึง 10 ราย ส่วนใหญ่จะพบทางภาคเหนือ และภาคอีสาน เพราะประชาชนที่นั่นนิยมรับประทานปูดิบ ๆ
และยังพบมีการทำนํ้าปูดอง คล้าย ๆ กับนํ้าปลาร้าเพื่อประกอบอาหาร โดยเฉพาะส้มตำ เป็นส่วนประกอบ ซึ่งวิธีการดองนั้นไม่มั่นใจว่าจะสามารถฆ่าพยาธิได้หรือไม่ ยกตัวอย่างพยาธิใบไม้ในตับที่อยู่ในปลานํ้าจืดชนิดเกล็ดนั้นเวลาทำปลาร้าจะต้องดองเกลืออย่างเข้มข้น และใช้เวลานานพอสมควร “ปูดองที่ใส่ในส้มตำในท้องตลาดบางทีเราก็ไม่รู้ว่าเขาดองนานแค่ไหน ดองกี่เดือน เพราะฉะนั้นการจะฆ่าพยาธิได้ก็ต้มให้สุกพยาธิก็ตาย โดยเฉพาะพ่อค้า แม่ค้าต้องช่วยด้วยการต้มให้สุก เพราะมันมีแบคทีเรียหลายอย่างที่ทำให้ท้องเสีย เพราะปูกิจอาหารในดิน ในนํ้าแบคทีเรียที่ทำให้ท้องเสีย” นพ.โอภาส กล่าวในตอนท้าย และตบท้ายด้วยว่า สำหรับเมนู “ปูคั่วเกลือ” ก็ไม่แน่ใจว่าที่เห็นกระดองเหลือง ๆ นั้นจะสุกจริง ๆ หรือไม่ หากแค่สุก ๆ ดิบ ๆ เชื่อได้เลยว่าพยาธิใบไม้ในปอดมันยังไม่ตาย