ดราม่า 30 บาทรักษาทุกโรค
(26ธ.ค.) กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจาก นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับผลงาน สธ.ตามนโยบายในรอบ 1 ปี ต่อนโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ว่า ปัจจุบันใช้งบประมาณสูงมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ16-17 คิดเป็นร้อยละ 4.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ซึ่งจะให้รัฐบาลรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียวไม่ไหว ดังนั้นภายในปี 2559 เบื้องต้นเตรียมผลักดันให้เป็นนโยบายประชารัฐ ที่จะให้ประชาชนร่วมจ่ายกับรัฐ โดยจะให้ทุกภาคส่วนแสดงความคิดเห็นและเสนอทางออกที่เหมาะสม เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงและยั่งยืนของระบบบัตรทอง
กรณีดังกล่าวเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโลกออนไลน์ มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ล่าสุด ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า หลายคนคงไม่เข้าใจ ไม่มีใครจะให้เลิก 30 บาท ทุกคนต้องยอมรับปัญหา 30 บาท ลดการล้มละลายของผู้ป่วย แต่กำลังจะล้มละลายของระบบ ญี่ปุ่น เคยทำ ล้มไปแล้ว อังกฤษ ต้องปิดหน่วยจำนวนมาก ทั้งที่การเก็บภาษี ดีกว่าไทยมาก คงจะต้องพบกันครึ่งทาง การร่วมจ่ายตามกำลัง จึงเป็นวิธีการที่เหมาะสม ตั้งแต่มี 30 บาทมา ทุกคนคงไม่รู้หรอกว่า ทำให้การแพทย์และระบบลดถอยลงแค่ไหน เราไม่มีวัคซีนใหม่เพิ่มให้เด็กเลย ในช่วง 15 ปี ของ 30 บาท ยกเว้นไข้หวัดใหญ่ในบางคน เมื่อมีโรคระบาด เช่น คอตีบ ที่อีสาน ก็ต้องใช้เวลาถึง 3 ปี จึงจะได้วัคซีนคอตีบ มาปูพรมป้องกันการระบาด มีการระบาดของไวรัสตับอักเสบ เอ ที่บึงกาฬ ก็ไม่สามารถให้วัคซีนไปป้องกันได้ ต่อไปจะต้องเจอหายนะ จากโรคระบาดมากกว่านี้ ประเทศมาเลเซียมีวัคซีนป้องกันโรค ให้กับเด็กฟรี มากกว่าไทยมากมาย เช่น ท้องเสียโรตา HPV (มะเร็งปากมดลูก) เยื่อหุ้มสมอง HIB ไอกรนไร้เฃล ประเทศพม่า ลาว เขมร และเวียตนาม จะหยอดวัคซีนโรตา และวัคซีนอื่นๆมากกว่าประเทศไทย โดยได้จาก UNICEF GAVI ฯลฯ เราจะสู้ประเทศรอบบ้านไม่ได้แล้ว องค์การอนามัยโลก แนะนำปรับเปลี่ยนให้โปลิโออย่างฉีด แทนอย่างหยอด เราอยากให้เด็กไทยได้ฉีดอย่างน้อย 2 เข็ม โครงการ 30 บาท บอกไม่มีเงิน ให้แค่เข็มเดียว ไม่มีใครทราบความจริงหรอก ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ การป้องกันโรคในประเทศไทยจะถดถอยไปเรื่อย ๆ ทุกคนยังชื่นชม ก็ตามใจ การรักษาไวรัสตับอักเสบ ซี พม่าได้เอายาใหม่ จากอินเดียมารักษา เราใช้ยาเดิมที่เขากำลังจะเลิกแล้ว และให้ราคาคุยว่า ยอมให้รักษาทุกสายพันธุ์ ของไวรัสตับอักเสบ ซี แต่ไม่เคยบอกความจริงว่า คนรวยเท่านั้นที่จะเข้าระบบตรวจกรองไปถึงการรักษาได้ เพราะใช้ค่าตรวจกรอง กว่า 10,000 บาท 30 บาท ไม่ออกให้ คนรวยจึง เข้าถึงได้มากกว่า และคนรวยจริง ๆ ที่อยากรักษา แบบทันสมัยก็ไปเอกชนหมด ขอให้ช่วยกันพิจารณาอย่างมีปัญญา ของฟรีไม่มีในโลก ทุกคนไม่ควรแบมือ เพื่อให้ได้มาซึ่งของฟรีเท่านั้น การดูแลสุขภาพให้ได้มาตรฐานจะมีราคาสูงขึ้น เป็นแบบ Exponential แต่เราเพิ่มงบ 30 บาท แบบ Linear นักวิชาการ NGO ทั้งหลาย ขอให้ตระหนักถึงผลในอนาคตด้วย การร่วมจ่ายตามกำลังจึงเป็นวิธีที่จะลดการล้มละลายของระบบลงได้ และจะทำให้มีการพัฒนาประสิทธิภาพ แบบอารยประเทศไม่ให้ถดถอย