สื่อมะกันหวั่น ชี้ ขีปนาวุธต่อต้านเรือยังสู้จีนและรัสเซียไม่ได้
สื่อมะกันหวั่น ชี้ ขีปนาวุธต่อต้านเรือยังสู้จีนและรัสเซียไม่ได้
เว็บไซต์ cankaoxiaoxi ของจีนรายงานเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมาโดยกล่าวถึงบทความที่เว็บไซต์The National Interest ของสหรัฐอเมริกาลงเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา บทความดังกล่าวมีชื่อว่า “อาวุธของเรือรบสหรัฐฯสู้อาวุธของจีนกับรัสเซียไม่ได้ สถานการณ์วิกฤต” เขียนโดย Dave Majumdar
โดยมีเนื้อหาว่า กองทัพเรือสหรัฐฯมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการเพิ่ม ขีปนาวุธต่อต้านเรือ เพราะขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำของศัตรูมีพละกำลัง "มากกว่า" แต่เพื่อเป็นการประยุกต์และปรับตัวให้ทัน กองทัพเรือสหรัฐฯสามารถปรับเปลี่ยนจรวดร่อนโทมาฮอว์คมาใช้ในภารกิจต่อต้านเรือรบได้
ตั้งแต่ที่สหภาพโซเวียตล่มสลายและสงครามเย็นยุติลงเป็นต้นมา สหรัฐฯก็เหมือนจะได้รับอำนาจในการคุมทะเลไปโดยปริยาย เนื่องจากขาดภัยคุกคามจากศัตรูที่มีกำลังทัดเทียม ทัพเรือสหรัฐฯจึงละเลยการพัฒนาสามารถในการต่อต้านเรือรบ และเบนความสนใจส่วนใหญ่ไปที่การโจมตีในภาคพื้นดิน
ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าอ้างอิงจากคำพูดของBryan McGrathผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสมุททานุภาพของสหรัฐฯ (Center for American Seapower)ที่ได้กล่าวในที่ประชุมสภา จะเห็นว่าสหรัฐฯไม่ได้มีการเพิ่มเรือรบที่สามารถยิงขีปนาวุธต่อต้านเรืออีกเลยนับตั้งแต่ปี 1999เป็นต้นมา
McGrath กล่าวว่า "ในคลังอาวุธยุทโธปกรณ์ของเราไม่มีเรือรบใดเลยที่สามารถใช้อาวุธที่ในตัวเองโจมตีเรืออีกลำที่อยู่ไกลออกไปกว่า 70 ไมล์ทะเลได้(อาวุธนำวิถีต่อต้านเรือรบ Harpoonยิงไกล 70 ไมล์ทะเล) และเพื่อที่จะเพิ่มระดับความน่าเกรงขามของกองทัพที่มีกองเรือผิวน้ำเป็นสัญลักษณ์ กองทัพเรือต้องรีบแก้ไขช่องโหว่นี้
เราต้องมองไปในอนาคต แสวงหาแนวทางแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ แต่เรื่องนี้ไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพของเราในตลาดโลก
ในขณะเดียวกันเรือรบรัสเซียจีนและอินเดีย ก็กำลังติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงต่อต้านเรือ เช่นจรวดร่อนบราห์มอส (BrahMos) ของอินเดีย และจรวด SS-N-27A “Sizzler”ของรัสเซีย
ขีปนาวุธสองชนิดนี้ถือเป็นภัยคุกคามของสหรัฐฯ ที่ทวีระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเป็นอาวุธที่ยากที่จะสกัดกั้น McGrath ชี้ให้เห็นว่าถ้าต้องการแก้ปัญหานี้อย่างรวดเร็ว กองทัพเรือสหรัฐฯสามารถปรับเอาขีปนาวุธ“โทมาฮอว์ค”ที่ใช้ในภาคพื้นดินที่มีอยู่ในตอนนี้มาใช้ได้โดยการเพิ่มโหมดการต่อต้านเรือเข้าไป เพื่อเปลี่ยนให้มันเป็นอาวุธที่สามารถใช้ได้ทั้งสองแบบ
อย่างไรก็ดีมีคนกังวลว่าถึงแม้ขีปนาวุธ“โทมาฮอว์ค”จะสามารถรับมือกับภัยคุกคามต่างๆได้มากมาย แต่ว่าศัตรูเองก็มีระบบการป้องกันอากาศยานที่มีประสิทธิภาพที่ทำให้“โทมาฮอว์ค”หมดประโยชน์ไป แต่ McGrath ก็กล่าวว่าอาวุธทุกอย่างของศัตรูนั้นไม่ใช่ว่าจะทันสมัยในระดับนี้ทั้งหมด ภารกิจการล็อคเป้าและการกำจัดระบบที่ทันสมัยที่สุดของศัตรูสามารถมอบให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่น ๆของทัพเรือสหรัฐฯได้”
อย่างไรก็ดีการดัดแปลงเอาจรวดร่อนโทมาฮอว์คมาใช้เป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น เขากลาวว่าสหรัฐฯต้องรับมือกับความต้องการทางด้านอาวุธใหม่ๆเพื่อใช้ในภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่จะต้องไม่ละเลยการดัดแปลงและปรับใช้จรวดร่อนโทมาฮอว์ค และขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่จะพัฒนาปรับปรุงนั้นจะต้องสามารถทำลายระบบป้องกันอากาศยานที่ดีที่สุดในโลกได้ รวมถึงต้องสามารถโจมตีเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นเป้าเคลื่อนไหว เป้านิ่งรวมถึงไม่ว่าจะอยู่บนบกหรือในน้ำ
อย่างไรก็ดีการพัฒนาขีปนาวุธที่มีความสามารถดังกล่าวของสหรัฐฯยังต้องใช้เวลา เขากล่าวว่า “สภาคองเกรสควรจะเร่งให้กองทัพเรือการดำเนินการโครงการนี้อย่างเร่งด่วน(การดัดแปลงจรวดร่อนโทมาฮอว์คที่ควรเสร็จและสามารถใช้ได้ในต้นปี 2020) แต่อย่างไรก็ดีจรวดร่อนโทมาฮอว์คนั้นยังไม่ใช่วิธีแก้ไขในระยะยาว เพราะต้องวิจัยและพัฒนาขีปนาวุธต่อต้านเรือที่มีประสิทธิภาพสูงต่อไป
https://www.facebook.com/XinhuaNewsAgency.th/photos/a.1660406490842033.1073741828.1660335044182511/1699112393638109/?type=3&theater
(ขอบคุณภาพประกอบจาก en.wikipedia.org)