เมื่อผู้ชายอกหัก และนิ้วหัก หนีรัก หนีหมอ ไปเที่ยวเมืองกาญ อำเภอทางผ่านแบบเรื่อยๆ

สวัสดีครับ
กระทู้นี้ตั้งใจไว้ตอนแรกว่าอกหักอยากหนีไปเที่ยวที่ไหนซักที่ ภูกระดึง ที่แรกที่อยากที่ขึ้นมาในหัวเลย อยากไปมากภูกระดึงมากที่พักก็จองไว้แล้วแต่ ด้วยเหตุบังเอิญมากมายทำให้นิ้วของเจ้าของกระทู้ (ขอใช้คำว่า "ผม" แทนแล้วกันนะครับ ขี้เกียจพิมพ์ยาว^^) ทำให้ไม่ได้ไปภูกระดึง จะปีนเขา ก็ไม่ไหวใช้ได้มือเดียวลำบากมาก เลยนั่งคิดไปคิดมา มีน้องมาชวน พี่ไปกาญจนบุรี ไหมไปเรื่อยๆ หาอะไรทำชิวๆ ดีกว่า ไอตัวเราก็เป็นคนขี้เล่นตัวซะด้วย เลยรีบตอบไปเลย ไปดิ ไปไหนก็ไป เลยกลายเป็นทริป ที่ชิวมากสถานที่ท่องเที่ยวก็ไม่ได้ไปที่นิยมมากนะ แต่อาจเป็นทางเลือกของใครบางคน

พูดถึงนิ้วหักหลายคนอาจสงสัยว่าหักเบาๆหรือเปล่า บอกเลยหัก แค่ 4 นิ้วเอง คนอะไรมีนื้วมือ 10 นิ้ว หักหร้อมกัน 4 นิ้ว

เอารูปฟิล์ม X-Ray มาฝาก จะเห็นนิวกลางนี่หักเยอะสุดเลย

ใส่เฝื่อกแบบนี้ไปเป็นเดือนโคตรลำบากการใช้ชีวิตมาก

หลังจากถอดเฝือกได้อาทิตย์หนึ่งก็ต้องไปกายภาพ ผมเลือกที่นี่เลย คณะกายภาพ มหาวิทยาลัยมหิดล (ไม่แพงด้วยแถมดูแลดีมาก)

แอบเก็บรูปหอประชุมใหม่มาฝาก จริงๆมุมด้านข้างสวยมากแต่กำลังปรับภูมิทัศน์ เลยเอามุมนี้ไปก่อนเนอะ

หลังจากกายภาพเสร็จก็เที่ยงพอดี เที่ยงแล้วยังไม่ถึงไหนเลย หิวด้วย นึกได้เฮ้ยป๋าเทพ โพธิ์งามเปิดร้านข้าวแถวนี้นี่หว่า ไอเราก็ตั้งใจไปกินเลย ไปถึงเอาแล้วร้านเงียบมากเจอป๋านั่งหน้าร้าน ป๋าบอกวันนี้ร้านหยุด เออคือ ร้านหยุดทุกวันพุธ ไม่น่าพลาดเลย เลยนั่งรถมาเรื่อยๆ มาถึง แยกนครชัยศรี แวะกิน ก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋ บอกเลยรสชาติดีมาก ผมสั่งเส้นเกี้ยวปลาไป อร่อยแต่น้อยไปนิสนะ

หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่อ จนมาถึง ท่ามะกา เลยแวะนมัสการ หลวงพ่อฉิ่ง หลวงพ่อฉาบ วัดท่ามะกา ที่นี่มีทางสำหรับลอดใต้โบสถ์ สะเดาะเคราะห์ ด้วย

ออกจากวัดท่ามะกาเริ่มบ่ายๆ หิวอีกรอบหาอะไรกินที่นี่เลย ตลาดท่าเรือ เค้าบอกของกินแถวนี้อร่อยเริ่มที่ข้าวเกรียบปากหม้อ เจ๊ราตรี บอกเลยที่นี่เด็จมาก


จานใส่ที่มานี่คือ ใบตอง ไม่ผิดหรอครับ ใบตองนี่แหละ มาพร้อมส้อม แล้วก็น้ำมันกระเทียมเจียวเค้าบอกให้เอาทาใบตองจะได้ไม่ติด

น้ำจิ้มก็จะมาด้วยกัน 3 อย่าง แบบเค็ม แบบเปรี้ยว แล้วก็ซีอิ้วหวาน แบบเปรี้ยวอร่อยมาก แต่ผมแอบชอบ ซีอิ้วหวานนะ


มีให้เลือก 6 ไส้ไม่ทานไส้ไหนบอกเจ๊แกได้ มีไส้ กุยช่าย ผักกาดดอง หน่อไม้ มะละกอ ไส้เต้าหู้ และไส้หวาน 1 ชุดก็จะมี 6 ตัวถ้าทานที่ร้านนะ ราคา 10 บาท เอง ซื้อกลับบ้านก็ 5 ตัว 10 บาท

ทานคู่กับผักกาดแก้ว แล้วก็ผักชีอร่อยมากเจ๊ราตรีบอกว่าให้กินกับกระเทียมเยอะๆจะอร่อยเราก็จัดเลยซิจุดเด่นของที่นี่คือนี่เลย

คือเจ๊เค้าจะให้เรานั่งข้างเตาแล้วแคะให้เรากินเรื่อยๆ เป็นชุดๆ จนกว่าเราจะพอใจ ผมกินไป 2 ชุดก็แน่นแล้ว

หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในตลาดเก่าท่าเรือ เดินดูอะไรไปเรื่อยมีบ้านเก่าหลายหลัง

และก็เจอนี่เลยทีเด็ด ก๋วยจั๊บ น้ำใส แบบโบราญมาก จะมีป้ายืนอยู่หน้าร้าน รสชาติผมชอบนะสงสัยคุ้นเคย 55+

ดูโต๊ะนั่งเราซะก่อน น่าสนใจไหมหละ

เรื่อยๆซะจนคืนนี้จะถึงเมืองกาญไหมหละ รีบกินรีบออกจากร้าน แต่เฮ้ยมีที่หนึ่งในตลาดท่าเรื่อที่น่าสนใจไหนๆ ชีวิตช่วงนี้ก็แย่ไหว้พระกันซะหน่อยเลยแวะ โรงเจเข่งซิ้วตั้วท่าเรือ ไหว้อาจารย์โหพัฒน์ ที่ท่านมรณะภาพในขณะนั่งสมาธิ ร่างกายท่านไม่เน่าไม่เปลื่อย ลูกศิษย์เลย นำร่างท่านมาให้กราบบูชา

โชคดีที่มาถึงรถไฟขบวนสุดท้ายมาพอดี แต่โชคร้ายที่คนนิ้วหักไม่มีกล้องและไม่หยิบขาตั้งกล้องมาภาพที่ได้มา เบลอๆทั้งนั้น

เย็นแล้วก็เข้าที่พัก ปล.พอดีมีอาจารย์ที่เคารพและรักท่านอยู่แถวไทรโยคพอดี เลยนอนฟรีกันเลยทีเดียว


อาหารเช้าก็แวะทานที่ร้านชื้อ corner หรือมุมนั่นเองทางไปน้ำตกไทรโยคน้อย
ร้านอยู่ขวามือ ก่อนถึง มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี บอกเลยร้านนี้อร่อยมาก

กระเพราหมูสับไข่เยี่ยมมาอร่อยนะ

 

สองเมนูนี่ถ้าผ่านมาต้องสั่งเลย ยำผักบุ้งกรอบ กับส้มตำทอด อร่อยมาก


กินกาแฟเสร็จตั้งใจจะไปน้ำตกไทรโยคน้อยแต่คิดไปคิดมาคนเยอะแน่ไม่ไปดีกว่าแวะที่นี่แทน
สวนบุญพร้อม บอกเลยเจ้าของสวนเรียนจบเกี่ยวกับเกษตรมา ดูเค้าปลูกแต่ละอย่าง ใหญ่มาก

ขนุนมีเยอะจนตกเต็มพื้นสงสัยเก็บไม่ทัน


ส้มโอก็มีนะ


มะขามนี่ใหญ่มากแต่เปรี้ยวต้องเอาไปแช่อิ่มถีงอร่อย



นึกว่ารูปส้มเช้งหละซิ นี่มะนาวสวนนะลูกใหญ่มาก เจ้าของสวนแอบบอกอยากได้พันธ์ ชำกิ่งให้ได้ราคาพิเศษครับ




ส้มโอกับมะขมเมื่อกี้ในที่สุดก็ตกมาถึงท้องของเราแต่ทีเด็ดไม่ได้อยู่ที่นั่น

อยู่ที่นี่เลยเจ้าของสวนเรียก โซดามะนาว ทำมาให้อร่อยมาก คล้ายกับอิตาเลียนโซดานะผมว่า แต่อร่อยจริงๆ
ถ้าถามหาพิกัด บอกเลยไปไม่ถูกโทรให้เจ้าของสวนมารับไป จากร้านกาแฟนั้นแหละ อยากได้เบอร์เจ้าของสวนส่งข้อความมาขอได้นะครับ เจ้าของสวนใจดี

หลังจากนั้นก็แวะมาวัดวังกระแจะ ปล.มาซะเย็นเลยไม่ได้ถ่ายรูปเลยแอบเสียดายตั้งใจจะไปกราบ หลวงปู่ชุบ ท่านติดกิจนิมนต์พอดี เลยอดเลย

จบไปอีกหนึ่งวัน
วันสุดท้ายต้องกลับแล้วซินะ ขากลับเลยแวะที่นี่ซะหน่อย สุสานสัมพัธมิตร



ตั้งใจจะไปเดินหาชื่อท่านคุณปู่ซะหน่อย อากาศร้อนเลิกหาเลย 55+

หลังจากนั้นก็ออกเดินทางกลับ กทม มีน้องบอกพี่แวะวัดถ้ำเสือที่ ท่าม่วงไหม ไอเราเอาดิไปไหนไปกัน

 

อยากบอกกว่าที่นี่ถ่ายรูปสวยมากแต่ผมเอาเลนส์ไปตัวเดียวเเอบเสียดาย

ปล.พอดีนิ้วหักใช้ได้มือเดียวอีกมือมีหน้าที่แค่ประคองรูปเบลออย่าด่าผมนะ เอาเลนส์ไปแค่ Fix 50 ด้วยได้แค่นี้แหละ
ปล.2 ขอบคุณมาครับที่ทนอ่านจนจบ
ปล.3 ทริปนี้หมดไป ประมาณ 1000 บาท 3 คน กินดีทุกมื้อแต่อัพไม่เยอะ ที่นอนฟรีครับ เลยประหยัด