พุทธะอิสระ เตือน ทูตสหรัฐฯ หากผิดซ้ำ เตรียมยกระดับเป็น "ไล่พ้นประเทศ"
คิดว่าคนไทยกินหญ้าหรืออย่างไร “อย่ามาตบหัวแล้วลูบหลัง”
๒ ธันวาคม ๒๕๕๘
26 พฤศจิกายน 2558
สำนักข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ ณ เวทีเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในกรุงเทพฯ ขณะที่การดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ปกครองของคณะรัฐประหาร
“เรายังกังวลต่อบทระวางโทษที่ยาวนานอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่ศาลทหารไทยพิพากษาต่อพลเมืองฐานละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” เดวีส์ บอกกับผู้ที่ร่วมเสวนา หลังจากแสดงความกังวลว่ากฎหมายหมิ่นประมาททางอาญานี้ถูกใช้สำหรับสกัดกั้นการโต้เถียงของสาธารณะกว้างขวางมากขึ้น
นายเดวีส์ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ราวๆ 9 สัปดาห์ ย้ำว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีความเคารพอย่างยิ่งและรู้สึกชื่นชมพระมหากษัตริย์ไทย แต่ก็อ้างถึงสิทธิการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสรเสรี “เราเชื่อว่าไม่ควรมีใครควรถูกจำคุกต่อการแสดงมุมมองอย่างสันติ และเราสนับสนุนอย่างหนักแน่นต่อความสามารถของบุคคลหรือองค์กรอิสระใดๆ ในการค้นคว้าวิจัยและรายงานประเด็นสำคัญๆ โดยปราศจากความกลัวว่าจะถูกแก้แค้น”
27 พฤศจิกายน 2558
ที่หน้า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน หลวงปู่พุทธะอิสระ พร้อมมวลชนกว่า 70 คน เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือกรณีที่ นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย วิพากษ์วิจารณ์กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างไม่เหมาะสม โดยมีตัวแทนเจ้าหน้าที่ของสถานทูตสหรัฐฯ รับหนังสือดังกล่าว
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวภายหลังเข้าไปยื่นหนังสือว่า เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือที่ นายกลิน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยอย่างรุนแรงทั้งที่เหยียบอยู่ในแผ่นดินไทย ถือว่า เป็นการไม่ให้เกียรติมิตรประเทศ ผิดมารยาทของทูตที่ดีอันควรกระทำ อีกทั้งยังมาวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายที่ปกป้องพระมหากษัตริย์ ผู้ซึ่งทรงเป็นประมุขของประเทศ ยิ่งเป็นการมิบังควรเป็นการเหยียดหยามทำลายจิตใจและศักดิ์ศรีของประเทศไทย นอกจากนี้ การตัดสินของศาลมีความเที่ยงธรรมสาสมกับพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดที่ซ้ำซาก ต่างกรรม ต่างวาระ มิได้วิพากษ์วิจารณ์ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ แต่เป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้าย ควรที่จะถูกลงโทษอย่างสาสม อยากให้ทางรัฐบาลสหรัฐฯ มีการกำราบตักเตือนบุคคลผู้เป็นตัวแทนของประเทศตนหรือจะเปลี่ยนได้ก็ดี
ในวันเดียวกันหลังจากที่พุทธะอิสระไปยื่นหนังสือประท้วงทูตสหรัฐ ผู้สื่อข่าวไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีทูตสหรัฐฯ วิจารณ์โทษจำคุกคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ระบุ กฎหมายหมิ่นประมาททุกประเทศมีหมด แต่ที่มีมาตรา 112 เพราะสถาบันฟ้องร้องใครไม่ได้
รวมทั้งยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิทูตสหรัฐอเมริกา กันบนโลกโซเชี่ยลเป็นอย่างมาก
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่านายเดวีส์ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ราวๆ 9 สัปดาห์ก็สร้างความขุ่นเคืองให้ประเทศไทยและชาวไทยจำนวนมาก ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนหลวงปู่พุทธะอิสระนำกลุ่มผู้ประท้วงชุมนุมหน้าสถานทูตอเมริกัน แม้รัฐบาลห้ามการชุมนุมทางการเมือง เพื่อยื่นหนังสือประท้วงที่นายเดวีส์จาบจ้วงวิจารณ์กฎหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพ
28 พฤศจิกายน 2558
ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ในนามชมรมแสดงจุดยืนและความไม่พอใจกรณีที่นายกลิน ทาวน์เซนต์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย แสดงความคิดเห็นวิจารณ์เกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ของไทย
ชมรมคนรักในหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาในเรื่องนี้ รวมทั้งดำเนินการตามวิถีทางการทูต เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี และอธิปไตยของประเทศไทยอย่างเร่งด่วนต่อไป
รายงานแจ้งว่า นอกจากการออกแถลงการณ์แล้ว วันจันทร์ที่ 30 พ.ย.2558 นี้ เวลา 10.00 น.ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดเชียงใหม่ โดยการนำของรองศาสตราจารย์ธีระ วิสิทธิ์พานิช ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดเชียงใหม่ และสมาชิกชมรม จะเดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือประท้วงเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ผ่านไปถึงกระทรวงต่างประเทศ พร้อมทั้งแถลงการณ์ของชมรมด้วย
จากนั้นจะเดินไปยื่นหนังสือประท้วงต่อที่สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำเชียงใหม่
30 พฤศจิกายน 2558
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าหลังจากนายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยเข้าพบตามกำหนดที่ไว้ล่วงหน้ากรณีมีคนไทยปลุกกระแสโจมตีนายกลิน เดวีส์หลังจากวิจารณ์กฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ว่าควรคิดก่อนเวลาจะพูดอะไร
ขณะเดียวกันนายกลิน ที.เดวีส์ ก็เปิดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนในวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยกล่าวถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐรวมถึงจีนว่าเขาไม่หวั่นเกรงว่าจะสูญเสียไทยไป (ให้จีน)เพราะไทยยังไม่ได้สูญเสียอะไร พร้อมกับกล่าวว่าเป็นเรื่องดีที่ไทยมีความสัมพันธ์กับจีน รวมทั้งสหรัฐก็มีความสัมพันธ์กับจีนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐดูเหมือนจะมีรอยร้าวหลังจากการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ทั้งที่ไทยกับสหรัฐเป็นมิตรประเทศกันมาอย่างยาวนาน สหรัฐประกาศลดระดับความร่วมมือทางทหารรวมทั้งการฝึกครอบบร้าโกลด์ แต่จะรื้อฟื้นกลับขึ้นมาอีกหลังจากที่ไทยจัดการเลือกตั้งทั่วไป
นายเดวีส์กล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐนั้นลึกซึ้งมาก โดยมีความสัมพันธ์กันทุกด้าน “เราทำงานร่วมกันในเรื่องของการปราบปราม,ความมั่นคง,สภาพแวดล้อม,ปัยหาผู้อพยพ,การค้ามนุษย์ การทำงานร่วมกันทั้งสองประเทศสร้างผลประโยชน์ทางความสัมพันธ์กันด้วยดี”
อย่างไรก็ตามการวิจารณ์ของนายเดวีส์คาดว่าวอชิงตันจะไม่มีเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ แต่กับประชาชนคนไทยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้กับนายเดวีส์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนว่าหากมีการวิจารณ์ประเด็นนี้อีก ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับอเมริกาอาจได้รับผลกระทบ
นายเดวีส์ตอบว่า หวังว่าความสัมพันธ์ทางการค้าควรแยกออกจากประเด็นทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้นำไทย
“ถ้าเหล่าผู้นำทางการเมืองต้องการนำสองเรื่องนี้มาเป็นเรื่องเดียวกัน ก็แล้วแต่พวกเขา ตามใจเขา”นายเดวีส์กล่าว
เอกอัครราชทูตสหรัฐเปิดเผยว่าเขาจะเข้าร่วมโครงการ “ปั่นเพื่อพ่อ” พร้อมกับบอกว่าได้สั่งจักรยานมาแล้ว โดยโครงการนี้จะมีการปั่นจักรยานทั่วประเทศในวันที่ 11 ธันวาคมเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พระชันษา
นายเดวีส์ยืนยันว่าสหรัฐอเมริกามีความผูกพันเป็นพิเศษกับพระมหากษัตริย์ของไทย พร้อมกับบอกว่า “ผมรักในหลวงรัชกาลที่ 9”
นายเดวีส์เปิดเผยว่าที่ทำเนียบหรือบ้านพักของเขายังมีพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระองค์เสด็จสหรัฐอเมริกาและทรงฉายกับเอลวิส เพรสลีย์
1 ธันวาคม 2558
ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล ร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ คัดค้านการทำหน้าที่ของทูตสหรัฐฯ ที่ออกมาวิจารณ์ดูหมิ่นมาตรา 112 กฎหมายไทย โดยทางชมรมคนรักในหลวงเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาในเรื่องนี้รวมทั้งดำเนินการตามวิถีทางการทูตเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและอธิปไตยของประเทศไทยอย่างเร่งด่วน
นายไพฑูรย์ ตวงสิน หนึ่งในแกนนำชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล กล่าวว่า ทางชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล ได้ส่งไปรษณีย์ด่วนไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อให้พิจารณาการออกมาล่วงละเมิดกฎหมายไทย โดยเฉพาะมาตรา 112 ที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งในการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมกันนี้ได้มีการแจกแถลงการณ์จากชมรมคนรักในหลวงให้ทุกคนได้รับทราบถึงเจตนารมณ์ และให้ทุกคนร่วมกันออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
ขอบคุณข่าวจาก
http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx…
http://www.thairath.co.th/content/542395
http://thaitribune.org/contents/detail/302…
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx…
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx…
_____________________________________
พวกคุณๆ เชื่อไหมว่าคนระดับเอกอัครราชทูตสหรัฐจะรักเทิดทูนในหลวงเราอย่างที่เขาพูด
แต่มุมมองของฉัน ทูตของแต่ละประเทศจะพูดทำคิดอย่างไร ขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศตนว่ามีต่อประเทศที่ทูตไปประจำการอยู่เป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น ทูตสหรัฐและเจ้าหน้าที่ทูตจะต้องทำพูดคิดให้เป็นไปตามนโยบายของประเทศอเมริกา
วันนั้นคุณมาแทรกแซงวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายที่ปกป้องสถาบันอย่างรุนแรง ไม่เกรงใจ
แต่พอโดนคนไทย สังคมไทย กดดันกันในทุกมิติ วันนี้กลับมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าตนรักในหลวง
คุณกลิน ที. เดวีส์ คงคิดว่าคนไทยโง่ล่ะกระมัง
เอาเป็นว่าหากมีการจาบจ้วงแทรกแซงกิจการภายในประเทศและสถาบันอีก เที่ยวนี้พวกเราไม่ไปยื่นหนังสือแล้ว แต่จะไปชูป้ายขับไล่เลยล่ะท่านทูต
ต้องขอชื่นชมสนับสนุนให้ในแต่ละจังหวัดได้แสดงพลังออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการกระทำผิดมารยาท แทรกแซง และจาบจ้วงสถาบันของทูตสหรัฐ
เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้ประเทศสหรัฐได้รู้ว่า ประเทศไทยมิได้ตกเป็นเมืองขึ้นของสหรัฐ อย่ามาชี้มือสั่ง เรามิใช่ขี้ข้าอเมริกา
อย่าปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ พฤติกรรมของทูตประเทศนี้ทำเช่นนี้มาหลายครั้งหลายคราแล้ว สมควรจักได้รับบทเรียนเสียบ้าง
พุทธะอิสระ