จวกเละ!นายกอิรัก ชี้ สหรัฐฯ "บ่มิไก๊" เปรยอยากให้รัสเซียช่วย

นูรี อัล-มาลิกีกล่าวว่าประสิทธิภพในการโจมตีไอเอสของพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯที่รวมตัวกันโดยสมาชิกจำนวน 60 กว่าประเทศและมีอาวุธทันสมัยนั้นต่ำมากจนเหลือเชื่อและเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้ พร้อมกล่าวว่า 14 เดือนแห่งการสู้รบยังไม่สามารถกำจัดกลุ่มก่อการร้ายนี้ออกไปจากอิรักได้ โดยได้ยกตัวอย่างถึงเมืองทางตะวันตกที่สำคัญRamadiและเมืองBaiji ที่มีน้ำมันของอิรักก็ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มก่อการร้ายหลังจากที่พันธมิตรเริ่มการโจมตีในอิรัก ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าศักยภาพของพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯนั้นยังมีไม่มากพอ

“สมาชิกบางรายในพันธมิตรต่างมีความคิดเป็นของตัวเองว่าไอเอสควรจะอยู่ต่อไปหรือควรถูกกำจัด พวกเขากำลังคิดล่วงหน้าว่าเมื่อไอเอสถูกกำจัดลงจะเกิดอะไรขึ้น ผมคิดว่าพวกเขาไม่ได้ลงมติว่าจะต้องรบกับไอเอสหรือไม่แต่กำลังคิดคำนวณถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในก้าวต่อไป”

เขายังตั้งคำถามอีกหลายคำถามเช่น “สถานการณ์สู้ก่อการร้ายในอนาคตและสถาณการณ์ในภูมิภาคจะเป็นอย่างไร แผนที่ในอนาคตจะมีหน้าตาเหมือนเดิมไหม หรือว่าไอเอสจะเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของประเทศอิรักและภูมิภาค？”

นอกจากนี้เขาไม่ลืมที่จะกล่าวชมถึงประสิทธิภาพของรัสเซียและการช่วยเหลือของรัสเซียหลังจากที่นครMosul ของอิรักได้ถูกยึด ว่ารัสเซียได้ช่วยสนับสนุนอาวุธ และถ้าหากรัสเซียสามารถขยายขอบเขตของปฏิบัติการในซีเรียมายังดินแดนของอิรักได้ก็จะส่งผลดีกับอิรักอย่างแน่นอน

เขาเน้นย้ำว่าผลงานการโจมตีของรัสเซียนั้นเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าความพยายามของรัสเซียนั้นเป็นผล เพราะแค่ไม่กี่วันก็สามารถโจมตีเป้าหมายในซีเรียได้ถึงหลายจุด ทำให้กลุ่มก่อการร้ายได้รับความเสียหายอย่างหนักและทำให้ทหารซีเรียกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง
“แล้วพันธมิตรที่รวมตัวกันจาก 60 กว่าประเทศที่ปฏิบัติการมากว่า 14 เดือนแต่ไม่มีผลอะไรเลยนั้นไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะ？” เขากล่าว

นูรี อัล-มาลิกี กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่รัฐบาลอิรักยินดีให้รัสเซียช่วยเหลือนั้น คือรัฐบาลต้องเพิ่มแรงกดดันให้กับสหรัฐฯที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในภูมิภาคนี้