ระเบิดดั้งไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
วันนี้เลยขอมารีวิวเล็กๆน้อยๆเผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่สนใจอยากทำจมูกนะครับ
หลังจากดูรีวิวของบรรดาศิษย์พี่ทั้งหลาย(ซึ่งต้องขอบคุณมา ณ ที่นี่ด้วย)เลยตัดสินใจทำกับหมอเฉพาะทาง ตอนแรกก็ลังเลๆอยากทำกับคุณหมออีกสองท่าน แต่ทราบมาว่าทำแล้วมีปัญหาภายหลัง กับบริการหลังการทำไม่ค่อยดี เลยเลือกคุณหมอนพรัตน์เพราะว่าพูดคุยดีและได้ยินว่าบริการหลังทำดี
เพราะปีที่ผ่านมามีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นกับเรา ทำให้เราตั้งเป้าว่าปีนี้จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ เลยตัดสินใจทำจมูกด้วยซะเลย
ถามว่ากลัวมั้ย? ตอนที่โทรไปจองคิวน่ะ ไม่ได้กลัวเล้ยยย ตื่นเต้นว่าจะได้ทำเมื่อไรมากกว่า
ระหว่างรอวันทำก็นั่งดูศิษย์พี่ร่วมสำนักรีวิวไปเรื่อย แต่ละคนก็สวยขึ้นทั้งนั้น ก็หวังว่าเราจะสวยขึ้นบ้าง
พอไปถึงโรงพยาบาล เราก็ยังไม่กลัวอีกนั่นแหละ ชิวมากๆ ระหว่างรอคุณหมอก็หาขนมกินไปเรื่อย ทั้งๆที่ลดน้ำหนักอยู่ ฮา
พอได้เวลาก็เข้าไปคุยกับหมอ หมอก็จะจับจมูกเราว่ามีเนื้อเยอะมั้ย ตรงไหนยังไง หมอก็อธิบายว่าจมูกเราเป็นแบบนี้ๆนะ แล้วถามว่าเราเอารูปมาหรือเปล่า ตอนแรกเราก็เซฟรูปไว้ในคอมเยอะแยะเลย เลือกแล้วเลือกอีก
แต่พอวันไปทำกลับตัดสินใจว่าให้หมอดูว่าแบบไหนเหมาะกับเราดีกว่า คิดว่าหมอน่าจะรู้ดีกว่าเรา
เอาจมูกดารามาใส่หน้าเรามันอาจไม่เข้าก็ได้แต่หลายๆท่านให้บอกความต้องการของตัวเองกับหมอให้ชัดเจน ไม่งั้นทำออกมาเดี๋ยวไม่ตรงใจ เราก็เลยจัดไป
ขอหมอดูแบบ ตอนแรกกะจะทำแบบสโลป แต่พอดูแบบสโลปที่หมอยื่นมาดูแล้วไม่น่าจะเหมาะกับเรา เลยขอดูแบบอื่น พร้อมกับบอกหมอด้วยว่าเราชอบแบบแอฟ แบบจุ๋ย หมอก็เลยร้องอ๋อ หมอเข้าใจแล้วๆ (บอกแค่นี้รู้เลย 55+) แสดงว่าชอบแบบโด่งตรงๆ ตรงหว่างตาต่ำๆหน่อย เราก็ตอบเลยว่าใช่ๆ แต่ไอ้โด่งตรงๆหมอก็บอกว่ามันค่อนข้างจะเห็นเป็นแท่งน่ะสิ เราก็เลยรีบบอกเลยว่าไม่เอาแท่งๆนะ หมอก็ครับๆ เดี๋ยวหมอจะปรับให้เข้ากับหน้าเรานะ ไม่ให้ฝืนเกินไป เราก็ตกลง ก่อนจะทิ้งท้ายและย้ำกับหมอว่า ไม่เอาแบบเกาหลีนะครับหมอ(เพราะมันไม่เข้ากับหน้าเรา เราอยากหล่อไทยๆแบบ ลี ซึง กี) ผมขอแบบไทยๆ หมอก็ครับๆแบบไทยๆ แต่เราได้ยินมาว่าหมอเค้าเก่งแบบเกาหลีนี่หน่า 55+
แล้วที่เราขอนี่จะได้ไหมเนี่ย??? แอบเครียดเล็กน้อย พอถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่ก็ให้เราเปลี่ยนชุด พอถึงตอนนี้เริ่มแอบกลัวแล้ว หลังจากกินยาอะไรเรียบร้อยเสร็จ
พอได้เวลาก็เข้าห้องผ่าตัด ไม่รู้ว่าเพราะยาที่หมอให้เรากินที่ว่าจะทำให้เคลิ้ม หรือเพราะเมื่อคืนเราแทบไม่ได้นอนกันแน่ เราถึงนอนแบบสบายใจเฉิบ ไม่ได้หลับทันทีเลยนะ แต่มันเคลิ้มๆ ตอนหมอเข้ามาเราก็ไม่ได้หลับ พยายามผ่อนคลายๆ กลัวก็หลับตา
พยายามไม่จินตนาการถึงมีดและเลือด
หมอก็ทำไป เราก็นอนนิ่ง ไม่รู้ว่าหมอฉีดยาชาตอนไหนด้วยซ้ำ ไอ้ที่เค้าบอกว่าเจ็บสุดๆก็ตอนฉีดยาชานี่แหละ แต่เรากลับไม่รู้สึกแฮะ รู้สึกเจ็บจี๊ดๆประมาณสามวิ ที่เหลือก็รู้สึกว่าหมอกดๆตรงดั้ง อ้อ เราตัดปีกด้วย(ตอนแรกไม่ตั้งใจจะตัด แต่หมอบอกว่าเอาออกนิดหน่อยก็ดี) ก็รู้สึกเวลาหมอดึงด้ายตอนเย็บ ถ้าใครเคยผ่าฟันคุดมาจะเข้าใจ
จากประสบการณ์ของเรานะ เราเชื่อว่าถ้าใครสามารถผ่าฟันคุดได้ก็สามารถทำจมูกได้ สำหรับเราผ่าฟันคุดเจ็บกว่าด้วยซ้ำ
ทำจมูกนี่แทบไม่รู้สึก พอหลังจากทำกำลังจะกลับบ้านถึงรู้สึกตึงๆปวดๆ รีบกินยาแก้ปวดแทบไม่ทัน แต่ก็เป็นแค่วันนั้น
พอตื่นมาอีกวันก็ไม่ปวดเท่านั้นแล้ว แต่รู้สึกตึงๆ ที่เค้าบอกว่าบวมจนตาแทบปิดแบบอวตาร ตอนนี้เรารู้ซึ้งเลย พอวันที่สองนี่แบบ...บวมมาก ตาชั้นหายไปไหนนนนน แอบเซง แต่เห็นบรรดาศิษย์พี่เป็นแบบนี้ทุกคนเลยพยายามทำใจ
นี่ก็เพิ่งวันที่สอง หล่อไม่หล่อยังดูไม่ออก เพราะมันบวมมาก ได้แต่หวังว่ามันจะยุบลงตอนหมอนัดตรวจอีกที มาดูคลิปกันเลยครัช