หลวงปู่พุทธอิสระ โพสต์ข้อความชวนคิด "จุดจบของคนเนรคุณ"
จุดจบของคนเนรคุณ
๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘
เห็นภาพข่าวพวกหมิ่นสถาบันของกลุ่มคนที่มีทั้งทหาร ตำรวจ ซึ่งนำหัวขบวนโดยหมอหยองหรือนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์
ทำให้ฉันนึกย้อนหลังไป ๓๐ กว่าปีที่แล้ว ราวปี ๒๕๒๗-๒๕๒๘ เหตุเกิดที่ค่ายทหารช่างเขากรวด ราชบุรี
ขณะที่ฉันพักธุดงค์อยู่ในถ้ำรังเสือใกล้กับถ้ำสิงโตทองที่มีพระมหาเถรสุปฏิปันโนที่ฉันคุ้นเคยให้ความเคารพ นั่นคือหลวงปู่โต๊ะแห่งวัดประดู่ฉิมพลี
ขณะนั้นมีนายทหารมานิมนต์ฉันให้ไปฉันเพลที่บ้านพักของ ผบ.ค่ายทหารช่าง พ.อ.นิวัติ สายอุดม (ขออภัยที่เอ่ยชื่อ) ซึ่งในขณะนั้นมีนายทหารระดับ ผบ.พัน นั่งร่วมพิธีอยู่หลายคน
หนึ่งในนั้นคือ พ.ท.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร (ขออภัยที่เอ่ยนาม) ผู้ซึ่งกำลังโดนมรสุมทางการเมืองกลั่นแกล้งบีบ
หลังจากเสร็จพิธีทำบุญบ้านฉันเพลเรียบร้อย ผู้พันชัยสิทธิ์ ชินวัตร ได้เอารถมารับฉันให้เข้าไปที่ค่ายเขากรวด ณ บ้านพักของเขา มีภรรยาและลูกคอยต้อนรับ
เมื่อเข้าไปนั่งในบ้าน ผู้พันชัยสิทธิ์ก็เล่าถึงปัญหาที่เขาโดนพลเอกชวลิต (ขออภัยที่เอ่ยนาม) ผบ.ทบ.บีบ ไม่ยอมเลื่อนขั้นให้แก่เขาทั้งที่เขาอยู่ในตำแหน่งนี้มานานหลายปีแล้ว
ฉันจึงมองหน้าเขาและถามว่า ตอนที่...เข้ามาเป็นทหารตั้งใจว่าจะทำงานเพื่องานหรือทำงานเพื่อเงิน
ผู้พันชัยสิทธิ์นั่งฟังอย่างเงียบๆ
ฉันจึงพูดต่อว่า
หากทำงานเพื่องาน ผลของงานจะออกมาเป็นค่าของเงิน
แต่หากทำงานเพื่อเงิน ค่าของเงินก็จะเบียดบังผลงาน
สุดท้ายงานที่ทำก็ไม่มีค่า ผลของงานก็ไร้ราคา
ขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น เมียของนายชัยสิทธิ์ก็พูดขึ้นมาว่า ตอนนี้กำลังติดต่อกับหมอหยองให้ช่วยวิ่งเต้นช่วยเหลือพี่เขา
ฉันจึงถามว่าหมอหยองเป็นใคร
เมียผู้พันธ์ชัยสิทธ์บอกว่า หมอหยองเป็นหมอดูใกล้ชิดกับพระราชวงศ์บางพระองค์ สามารถติดต่อกับข้าราชการขั้นผู้ใหญ่ได้ทุกระดับ จะเสนอให้ใครได้เลื่อนขั้นก็ได้
ฉันจึงเตือนว่า อย่าไปอาศัยจมูกคนอื่นหายใจ ให้รู้จักพึ่งตัวเอง ใช้หลัก “อัตตาหิ อัตตโน นาโถ” ตนเป็นที่พึ่งของตน
หากหมอหยองมันสามารถช่วยพวกคุณได้จริง มันคงไม่โดนทหารตบหรอก
หลังจากนั้นฉันก็ลากลับ
ต่อมาผู้พันชัยสิทธ์ ชินวัตร ก็ถูกย้ายไปอยู่สามจังหวัดชายแดนใต้ หลังจากนั้นก็มิได้เจอกันอีกนาน จนกระทั่งเขาย้ายกลับมากรุงเทพจึงได้มาหาฉันที่วัด ซึ่งก็ล่วงเลยไปร่วม ๒๐ กว่าปี
สำหรับหมอหยองหลังจากโดนทหารตบโทษฐานชอบอ้างเบื้องสูงไปหากิน
จากนั้นก็หายหน้าหายตาออกไปจากวงการอยู่พักใหญ่ มาโผล่อีกทีก็เป็นคนทรงเทพเจ้าพิฆเนศแล้ว พร้อมกับทำอาชีพหมอดูไปด้วย
พอมาถึงรัฐบาล คสช.ก็มาเห็นหน้าหมอหยองออกโทรทัศน์โปรโมทงานปั่นเพื่อแม่ โดยมีนายทหารใหญ่ร่วมแถลงข่าว
ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจ ว่าใครนะช่างหน้ามืดตามัวไปขุดเอาไอ้คนกะล่อนปลิ้นปล้อนคนนี้ขึ้นมาร่วมทำงานอันทรงคุณค่าเช่นนี้ได้ ช่างไม่ฉลาดเลย
ฉันยังคิดอยู่ในใจตอนที่ดูข่าวพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จ เห็นนายหมอหยองพยายามเสนอหน้าพูดโน่นนี่ ทำตัวเป็นผู้ใกล้ชิดสนิทสนมราชวงศ์
เห็นภาพข่าวแวบๆ ว่าท่านนายกประยุทธ์แอบสะกิดหมอหยองให้ถอยห่างด้วยกิริยาไม่พอใจ จึงคิดได้ว่า
การที่มีนายหมอหยองเข้ามาร่วมงานปั่นเพื่อแม่ คงไม่ใช่เป็นความคิดของท่านนายกเป็นแน่
ทำให้สบายใจขึ้นด้วยเกรงว่า หากท่านนายกไปหลงคารมไอ้กะล่อนคนนี้คงเป็นความซวยของบ้านเมืองอีกรอบเป็นแน่
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจแก่ผู้ใกล้ชิดพระราชวงศ์ทั้งหลายว่า
เมื่อพระองค์ท่านทั้งหลายทรงมีพระมหากรุณาไม่ถือพระองค์ ทรงมีพระเมตตาพูดคุยใกล้ชิดด้วย ก็อย่ากำเริบเสิบสาน ตีตัวเสมอพระองค์ดังกรณีของนายทักษิณ ที่ออกมาพูดช่วงที่ตนมีอำนาจ ว่าให้พระเจ้าแผ่นดินมากระซิบข้างหูตัวเอง
นี่คือพฤติกรรมของพวกไม่มีสกุล เรียกว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล การกระทำส่อความไพร่สถุล
ในกรณีของหมอหยองและพวกทำตัวเป็นสถุล กิ้งก่าได้ทอง ไม่สำรวมไม่ระวังตัว กำเริบเสิบสาน ตีเสมอ จึงบังอาจแอบอ้างพระองค์ท่านมาหากิน หวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก พวกมนุษย์มอดปลวกพวกนี้ต้องลงโทษให้หนัก เพราะทำผิดซ้ำซากไม่หลาบจำ
แม่ฉันจะสอนฉันเสมอๆ ว่า ยิ่งผู้ใหญ่ให้ความเมตตา เรายิ่งต้องระมัดระวังตัวให้มาก อย่าทำให้ท่านเสื่อมเสีย เราต้องอ่อนน้อมถ่อมตนให้จงหนัก เพื่อเชิดชูเกียรติยศท่าน
พุทธะอิสระ