ประโยชน์ของแอปเปิ้ล
เรื่องนี้ นพ. กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์ อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า ถ้าแบ่งสีของแอปเปิลง่าย ๆ อาจแบ่งเป็น “แอปเปิ้ลสีเขียว” กับ “แอปเปิ้ลที่ไม่ใช่สีเขียว” ที่แบ่งแบบนี้ก็เพราะว่า มันจะแบ่งวิตามินที่ต่างกันได้ง่าย แอปเปิลสีแดง แอปเปิลสีชมพู แอปเปิลสีเหลือง เกิดจากซูเปอร์วิตามินที่มีชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” เป็นตัวเดียวกับที่มีในองุ่น แอปเปิลบางลูกสีออกเข้ม ๆ แดงเกือบม่วง เกิดจากแอนโทไซยานิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต่อสู้เซลล์มะเร็งได้
ส่วน แอปเปิ้ลสีเขียว มีรสเปรี้ยวมากกว่า เกิดจากมีสารตัวหนึ่งชื่อว่า “กรดมาลิก” มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เหมือนยาปฏิชีวนะ ฆ่าเชื้ออ่อน ๆ ปรับสมดุลลำไส้ “แอปเปิ้ล” ไม่ว่าสีแดงหรือสีเขียว มีสารสำคัญที่เป็นพระเอก คือ “โพลีฟีนอล” (Polyphenel) เป็นตระกูลใหญ่แล้วแบ่งเป็นตระกูลย่อย เช่น “แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดไขมัน คุมน้ำตาล คนมักจะคิดว่าเป็นเบาหวานกินแอปเปิ้ลได้หรือ ขอบอกว่าควรกินเพราะแอปเปิลช่วยได้ แต่ควรเลือกกินสีเขียว เพราะน้ำตาลไม่เยอะ และช่วยคุมอินซูลินด้วย ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเบาหวาน สามารถกินแอปเปิ้ลได้หลากสีซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี รวมถึงลดไขมันด้วย ฝรั่งถึงขั้นบอกว่า ถ้ากิน แอปเปิ้ลวันละลูก ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอเลยทีเดียว นอกจากนี้ อาจใช้แอปเปิ้ลในการดีท็อกซ์ โดยกินแอปเปิ้ลสัปดาห์ละ 1 วัน อาจจะสลับกินแอปเปิลสีละมื้อในอาหารมื้อ เช้า กลางวัน เย็น ก็ได้ไม่ว่ากัน
มีงานวิจัยจาก “มหาวิทยาลัยโอไฮโอ สเตต” บอกว่า “โพลีฟีนอล” ช่วยลดไขมันในเลือดได้นับ 10 เปอร์ เซ็นต์ ช่วยลดการแข็งตัวของหลอดเลือดโดยเฉพาะลด “แอลดีแอล” นอกจากนี้ยังช่วยป้องกัน ผิวพรรณไม่ให้โดนแดดเผาทำลาย ป้องกันยูวีเอ และยูวีบี เวลาเรากัดแอปเปิ้ลทิ้งไว้แล้วสีของเนื้อแอปเปิ้ลเปลี่ยนไปนั่นแสดงว่า มีสาร “โพลีฟีนอล” ที่ไหนมีสารโพลีฟีนอลพอโดนอากาศจะเกิดสนิมเป็นสีน้ำตาลขึ้นมาทันที ไม่ว่าผัก หรือ ผลไม้
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะกับคนต้องการลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน เพราะให้วิตามินสูง แคลอรีต่ำ จึงเป็นอาหารในฝันของคนลดน้ำหนัก
ลดความอ้วน กินแล้วอิ่มท้องได้ใยอาหาร ให้แคลอรีต่ำ เทคนิคในการกินแอปเปิ้ล คือ กินทั้งเปลือก เพราะสารสำคัญ คือ “โพลีฟีนอล” มักจะอยู่ตามเปลือก หรือเนื้อที่อยู่ติดกับเปลือก แต่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะปอกเปลือกทิ้งไปซึ่งน่าเสียดาย
อาจมีคนแย้งว่า กินแต่เปลือกได้หรือไม่ คำตอบ คือ หากกินแต่เปลือกจะไม่ได้สารสำคัญที่มีอยู่ในเนื้อแอปเปิ้ลที่ชื่อว่า “เพคติน” เป็นใยอาหารเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ช่วยซับไขมัน และน้ำตาล ดังนั้น ควรกินทั้งเปลือกและเนื้อ คือ กินทั้งลูกจะดีกว่า ส่วนเมล็ดแอปเปิ้ลนั้นไม่อยากให้กิน เพราะมี “สารแทนนิน” หรือ สารฝาด ความจริงสารนี้มีประโยชน์ แต่ข้อเสียคือ เมล็ดแอปเปิ้ลมี “สารแทนนิน” ค่อนข้างเข้มข้น ถ้าไปกัดเมล็ดแอปเปิ้ลแตกจะได้ “สารแทนนิน”ที่เข้มข้นเกินไป อาจทำให้คลื่นไส้ พะอืดพะอม นอกจากนี้ยังมี “สารกลุ่มไซยาไนด์” มีความเป็นพิษและมีผลต่อหัวใจ แต่ไม่ต้องกังวลมาก เพราะต้องกินเมล็ดแอปเปิลในปริมาณมากจริง ๆ จึงได้รับพิษ
มีเรื่องสนุกอีกอย่างที่คนอาจไม่รู้ คือ แอปเปิ้ลมีแก๊สตัวหนึ่งชื่อว่า “เอทีลีน” (Ethylene) ถ้าเราเผลอนำแอปเปิลที่กัดแล้วคำหนึ่งไปใส่ไว้ในตู้เย็น รวมกับกล้วย หรือผลไม้อื่น ๆ จะทำให้ผลไม้อื่นเน่าได้ โดยแก๊ส “เอทีลีน” เหมือนกับแก๊สที่ชาวบ้านใช้บ่มผลไม้ ดังนั้น ถ้ากัดกินแอปเปิลแล้วเหลือต้องใส่ถุงมัดปากให้ดีไม่ให้แก๊สออกมาได้ ราคาแอปเปิ้ลถูกกับแพงแตกต่างกันหรือไม่ ? นพ.กฤษดา กล่าวว่า ส่วนตัวก็กินแอปเปิ้ลราคาถูก ซึ่งต้องระวังเรื่องสารปนเปื้อนที่ติดมากับเปลือก อาทิ สารเคลือบ หรือยาฆ่าแมลง โดยธรรมชาติแอปเปิ้ลมีการสร้างไขออกมาเคลือบลูกแอปเปิ้ลอยู่แล้ว ผิวจึงมันตามธรรมชาติ แต่บางครั้งเวลานำมาจำหน่ายอาจมีการแว็กซ์เพิ่ม ดังนั้น ก่อนกินควรล้างให้สะอาด แต่อย่าถึงขั้นล้างจนผิวด้าน เพราะอาจทำให้วิตามินหายไปและเหี่ยวเร็ว เวลาจะกินค่อยล้างดีกว่า อย่าล้างไว้มาก ๆ แล้วใส่ตู้เย็นทิ้งไว้
สรุป กินแอปเปิ้ลสีไหนก็ได้ แต่ต้องกินทั้งเปลือก ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดไขมัน คุมน้ำตาล เหมาะกับคนอ้วน ต้องการลดน้ำหนักดีนักแล