ศาลอุทธรณ์ อ่านคำพิพากษาจำคุกแนวร่วม นปช. 5 คน
ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีวางระเบิดพรรคภูมิใจไทย เมื่อ 21 ก.ย.58 กลุ่มแนวร่วม นปช. 5 คน ในความผิดฐานร่วมกัน ทำวัตถุระเบิด มีวัตถุระเบิด ที่ออกใบอนุญาตไม่ได้ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาวัตถุระเบิด ไปในเมือง โดยไม่มีเหตุสมควร และกระทำให้เกิดระเบิดฯ โดยจำเลยที่ 1 – 4 กระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรม ฐานร่วมกันกระทำให้ระเบิด จนเป็นอันตรายแก่บุคคล และทรัพย์สินอื่นๆ จำคุกคนละ 3 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 – 4 คนละ 6 ปี ปรับคนละ 100 บาท จำเลยที่ 5 ผิดฐานประกอบวัตถุระเบิด โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 ปี จำเลย ให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 – 4 ไว้คนละ 4 ปี ปรับคนละ 66.66 บาท ส่วนจำเลยที่ 5 จำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยจำเลยที่ 4 แม้จะไม่ได้ร่วม ในเหตุการณ์ระเบิด แต่ใช้โทรศัพท์มือถือสอบถาม ติดตามสถานการณ์โดยตลอด จึงย่อมมีความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 – 3 ด้วย ส่วนนายอเนก ซึ่งเป็นคนเข็นรถขายผลไม้ซุกซ่อนระเบิด ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแก้ จากเดิมที่ศาลชั้นต้นจำคุก 35 ปี โดยลดโทษจำคุกเหลือ 5 ปี ปรับ 50 บาท
นายสุริยา จำเลยที่ 5 ได้หลบหนี และศาลได้ออกหมายจับ ปรับนายประกัน 5 แสนบาท ยังไม่สามารถติดตามตัวจำเลยที่ 5 มาฟังคำพิพากษาได้ ศาลจึงได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลัง จำเลย
ภายหลังศาลได้อ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 4 ปี นางวริศรียา ญาติได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน ย่าน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มูลค่า 1 ล้านบาทเศษ ขอปล่อยชั่วคราวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นฎีกา ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์ ประกอบพฤติการณ์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นางวริศรียา จำเลยที่ 4 โดยตีราคาประกัน 500,000 บาท แต่ กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทาง ออกนอกราชอาณาจักรด้วย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
จำเลยที่ 1 – 5 ได้แก่ นายเดชพล พุทธจง อายุ 60 ปี อาชีพค้าขาย นายกำพล คำคง อายุ 46 ปี อาชีพขี่รถ จยย.รับจ้าง นายกอบชัย หรืออ้าย บุญปลอด อายุ 47 ปี อาชีพค้าขาย นางวริศรียา หรืออ้อ บุญสม อายุ 47 ปี อาชีพตกแต่งภายใน และนายสุริยา หรืออ้วน ภูมิวงษ์ อายุ 43 ปี อาชีพช่างทำบั้งไฟ โดยร่วมกับ นายเอนก สิงขุนทด เป็นผู้เข็นรถเข็นผลไม้ ที่ซุกซ่อนระเบิดไว้ในถังแก๊ส เข็นผ่านไปทางด้านของอาคาร ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย จนเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ผนัง ด้านหลังอาคารพรรคภูมิใจไทย แตกเสียหาย เพิงโรงเรือนร้านค้าขายอาหาร ตามสั่งของ นายแถม ตรุพิมาย ถูกแรงระเบิดเสียหายพังทั้งหลัง เป็นเงิน 50,000 บาท รถยนต์เก๋งทะเบียน ธต 7963 กทม. ได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 40,000 บาท นายอเนก สิงขุนทด ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนตาบอด ทั้งสองข้าง
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา เมื่อ 16 ก.ย.56 เห็นว่า จำเลยทั้ง 5 เป็นกลุ่มแนวร่วม นปช. ไม่พอใจรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ขณะนั้น โดยพิพากษา จำเลยที่ 1 – 3 จำคุกคนละ 5 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 5 ปี และฐานพาวัตถุระเบิดไปในเมือง ปรับคนละ 100 บาท รวมโทษจำคุกคนละ 10 ปี และปรับคนละ 100 บาท ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 – 3 คนละ 6 ปี 8 เดือน และปรับ 66.66 บาท ยกฟ้องจำเลยที่ 4 แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ พยานโจทก์ยังมีข้อสงสัย มี่น้ำหนักเพียงพอ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานประกอบระเบิด และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ลงโทษจำคุก 5 ปี แต่จำเลยที่ 1 – 3 และ 5 ส่วนจำเลยที่ 5 คงจำคุกไว้ 3 ปี 4 เดือน