U23 : ส่งทีมไปแข่งทำไม? แฟนวอลเลย์ไทยควรรู้!
ในระหว่างที่จะนั่งดูเกม ไทย กับ เอพิล 25 ก็ได้กดย้อนไปดูกระแสสังคมของแฟนๆวอลเลย์บอลในกลุ่ม ซึ่งก็เห็นหลายคนให้กำลังใจนักกีฬา และ ก็มีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับการแข่งขันในรายการนี้ ซึ่งต้องบอกว่าหลายคนยังไม่เข้าใจว่าวีทีวี คัพ คือรายการอะไร
สำหรับใครที่รู้รายละเอียดแล้วสามารถข้ามเรื่องนี้ไปได้เลย แต่จะอ่านสักนิดก็รู้สึกยินดีครับ แต่ถ้าใครยังไม่เข้าใจว่ารายการวีทีวี ที่เวียดนามทำไมนักกีฬาเวียดนามถึงส่งผู้เล่นเยอะกว่าไทยเราลงสนามได้ โกงกันนี่หว่า!!! ใครที่คิดแบบนี้ควรอ่าน เพื่อที่จะต่อว่า หรือ แสดงความคิดเห็นได้ถูกทิศทาง
รายการวีทีวี คัพ ที่เวียดนามจัดขึ้นนั้น เป็นรายการพิเศษที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกๆปี และ ก็กำลังเข้าสู่ครั้งที่ 12 แล้ว ซึ่งรายการนี้ไม่มีผลต่ออันดับโลก ไม่มีคะแนนสะสม มีเพียงเงินรางวัลเท่านั้น ฝ่ายจัดจะเชิญทีมต่างๆมาประชันฝีมือกันโดยไม่มีการกำหนดว่าจะเป็นทีมชาติชุดไหน สโมสรไหน
แล้วทำไมต้องส่งทีมมาแข่ง???
การส่งทีมมาร่วมทำการแข่งขันของทีมไทยนั้นส่งมาในแง่ของ "มิตรภาพ" และ ช่วยสนับสนุนวงการวอลเลย์บอลระดับอาเซียนให้เกิดการพัฒนา เพราะเท่าที่ทราบความสัมพันธ์อันดีต่อกันของสมาคมวอลเลย์บอลไทยกับเวียดนาม ค่อนข้างแน่นแฟ้น
การส่งทีมมาร่วมแข่งถือว่าเป็นการสร้างกระแสที่ดีของรายการเลยทีเดียว โดยทีมที่มาแล้วทำให้กองเชียร์สนุกจะมี 2 ทีม คือตัวแทนจากจีน และ ตัวแทนจากไทย ในกรณีของจีน ที่ส่งทีมเข้าร่วมมาเป็นประจำเพราะมีเขตแดนที่ติดกัน ก็มีอารมณ์ประมาณบ้านพี่เมืองน้อง ส่วนไทยเองก็เป็นประเทศที่มีการพัฒนาอยู่ในเวทีโลกแล้ว จึงทำให้เวลาทีมเวียดนามเจอตัวแทนจากไทยจะมีการเชียร์ที่สนุกขึ้น ถึงแม้จะไม่ใช่ทีมชุดใหญ่ก็ตาม และ ช่วงหลังๆมาไทยมักส่งทีมระดับเยาวชน หรือ ทีมที่ว่างในช่วงนั้นๆ
ทำไมต้องเป็นทีมยู 23 มาแข่ง ?
ตอนนี้ทีมที่ว่าง และ ต้องการเกมเพื่อทดสอบนักกีฬา ทดสอบรูปแบบคือ U23 เพราะฉะนั้นในกรณีนี้คือคำตอบที่เหมาะในการส่งทีมมาร่วมแข่งขันคงหนีไม่พ้น U23
ถึงแม้ว่าการรวมทีมน้อย ( 1 วันก่อนบิน ) เนื่องจากสาเหตุว่านักกีฬาส่วนใหญ่อยู่ในชุดเวิลด์กรังด์ปรีซ์ซะส่วนใหญ่ ที่เหลือรออยู่ก็ซ้อมกันเองอยู่ที่ไทย เพราะฉะนั้นการที่ได้เห็นอะไรที่เกิน และ อะไรที่ขาดก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเท่าไรนัก
ไม่พร้อมแล้วจะส่งทำไม ?
จริงๆแล้วไม่ส่งก็ได้ แต่ถ้าลองคิดดูว่าถ้าส่งไปแล้วอะไรคือผลบวก และ อะไรคือผลลบ ผมเชื่อเหลือเกินว่าในมุมมองของโค้ชผลบวกมีเยอะมากกว่า
ถ้าซ้อมอยู่ไทยกันเองก็ลงทีมกันเอง แต่การมาที่นี่ได้มีคู่ต่อสู้ได้เป็นคู่ซ้อมให้
พื้นที่ในการแข่งขันรายการนี้ทำให้ โค้ชมีการปรับจูนนักกีฬา การวางแผน การจัดการทีมต่างๆ ซึ่งแน่นอนมันเป็นเรื่องบวกที่ได้ซ้อมในสนามแข่งจริง
การสร้างแรงบันดาลใจ แรงจูงใจของนักกีฬาที่ได้มีความรู้สึกอยู่ในการแข่งขันมากกว่าสนามซ้อม มันทำให้มีผลบวกข้างในจิตใจมากกว่า ตื่นมาซ้อมเช้า พักรอซ้อมเย็น
หรือคิดง่ายๆ ถ้าเรามีสอบไฟนอลในเดือนหน้า แต่มีการเปิดติวสอบในสัปดาห์นี้เราจะไปหรือป่าว ?
ถ้าใครตอบว่าไป ก็คงจะเข้าใจถึงเหตุผลต่างๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น
มิตรสหายในกลุ่มวอลเลย์บอลกล่าวว่า "แต่มาเล่นแล้วแพ้แบบนี้โดนด่าฟรีๆเลยนะ"
ผมมองว่าสิ่งที่โค้ชมอง กับ กองเชียร์มองในรายการนี้ต่างกัน
กองเชียร์ต้องการผล แต่โค้ชต้องการที่จะทดสอบ
อยากจะบอกว่าที่เห็นพรพรรณเล่นนั้นก็เจ็บข้อเท้าอยู่
อัจฉราพร ก็เพิ่งหายเจ็บมา ถามว่าน้องโดดใส่เต็มที่ไหม บางลูกอาจจะใส่ให้หนัก แต่บางลูกก็เซฟตัวเองด้วย
ส่วน พิมพิชญา ก็รู้ๆกันว่าเจ็บข้อเท้าอยู่
ทัดดาว ที่เห็นลงนั้น อยากเรียกว่าหายเลย กระดูกก็ยังเติมไม่เต็มแข้ง แต่ที่ลงไปก็ไปยืดเส้น ปรับความรู้สึกไม่ให้ห่างสนามเท่านั้น
ในรายของ พัชราภรณ์ ที่เล่นตัวรับเป็นครั้งแรก รายการนี้ก็มีติว และ ทำความเข้าใจกับตำแหน่งใหม่ที่ได้รับ และ ลูกสุดท้ายของวันนี้ที่ไทยแพ้ เชื่อไหมว่านี่คือประสบการณ์ที่เขาได้รับไปเต็มๆ
เอก ประวิตร