ในมาเลเซีย มีคนล้มละลาย 18 รายต่อวัน

     บนกระดาษรายได้เดือนละ 7,000 ริงกิตของผู้ช่วยวิศวกร น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตอย่างสบายพอสมควร แต่สำหรับ "โมห์ด อามีร์ อิซุดดิน" รายได้นี้แทบไม่พอครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ด้วยภาระเงินกู้และหนี้บัตรเครดิตรวมกัน มากกว่า 150,000 ริงกิต หรือ มากกว่า 85% ของรายได้ต่อเดือนของเขา ถูกใช้ไปกับการชำระหนี้ ทำให้เขาแทบไม่เหลือเงินสำหรับการออมหรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินเลย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่หนี้ทั้งหมดของ "โมห์ด อามีร์ อิซุดดิน" จะเกิดจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด

     "โมห์ด อามีร์ อิซุดดิน" เขาเกิดและเติบโตในหมู่บ้าน และ ถูกปลูกฝังให้เชื่อว่าการเรียนให้จบปริญญา และ การทำงานหนัก จะเป็นบันไดสู่ชีวิตที่ดีขึ้นในระดับหนึ่ง

     "โมห์ด อามีร์ อิซุดดิน" กล่าวว่า "เราถูกสอนมาเสมอให้ตั้งใจเรียนและทำงานหนัก เพื่อที่จะทำให้ชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งผมก็ทำตามนั้น แล้วมันผิดจริงเหรอ? ที่ผมจะเลือกขับรถระดับที่ดีขึ้น เช่าอพาร์ตเมนต์แบบสตูดิโอ หรือ ให้รางวัลตัวเองด้วยสเต๊กพรีเมียมหรืออาหารทะเลดีๆ เดือนละ 2 ครั้ง แทนที่จะควรให้ชีวิตจืดชืด และ รอใช้เงินตอนแก่หรือป่วยเท่านั้น"

     นอกจากนี้ "โมห์ด อามีร์ อิซุดดิน" ยังต้องดูแลพ่อแม่ ด้วยการให้เงินรายเดือน เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายและค่ารักษาพยาบาล ซึ่้งเขากล่าวว่า "ท่านไม่ได้ทำงานและไม่มีเงินบำนาญ ผมให้เท่าที่สามารถให้ได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอเมื่อค่าครองชีพสูงขึ้น อาหารหนึ่งมื้อในปัจจุบันราคาขั้นต่ำ ก็ไม่ต่ำกว่า 12 ริงกิตแล้ว และ ค่าอาหารต่อเดือนของผมเกิน 1,500 ริงกิตแล้ว!!"

     ปัจจุบัน "โมห์ด อามีร์ อิซุดดิน" อายุ 35 ปี เขาทำงานมากว่าทศวรรษแล้ว ซึ่งเขายอมรับว่า "ผมเสียใจที่ยังไม่สามารถตั้งหลักทางการเงินได้" และ "ทุกเดือนคือการต่อสู้กับบิลค่าใช้จ่าย ผมไม่มีทางเลือกนอกจากพึ่งพาบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และ บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง เพื่อประคองค่าใช้จ่าย เพราะบริการเหล่านี้เข้าถึงได้ง่ายมาก" และ "ตอนนี้ผมเลือกที่จะยังไม่แต่งงาน จนกว่าจะมั่นคงทางการเงิน  หากผมมีครอบครัวในตอนนี้ พวกเขาอาจต้องอดมื้อกินมื้อ จากภาระค่าใช้จ่ายที่ผมเผชิญอยู่"

     ผู้บริหารฝ่ายสื่อสาร "อาเธอร์ ลิม" วัย 45 ปี กล่าวว่า "ผมได้เห็นผลกระทบของหนี้สินอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ช่วงอายุ 20 ปี จากเพื่อนร่วมงานที่ประสบปัญหาทางการเงิน" และ "ธุรกิจเงินกู้เป็นธุรกิจขนาดใหญ่และทำกำไรสูง ผู้ให้กู้ย่อมโปรโมตและจูงใจผู้คน แต่ปัญหาที่แท้จริงคือการชำระคืนนั่นเอง" และ "สินเชื่อรถยนต์เป็นภาระที่มีต้นทุนสูงเป็นพิเศษ โดยรถราคา 120,000 ริงกิต หากผ่อนชำระนาน 9 ปี อาจสูญเสียเงินเกือบ 100,000 ริงกิต เมื่อรวมค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ย แต่ก็ยังมีคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 4,000 ริงกิต กล้าตัดสินใจกู้เพียงเพื่อภาพลักษณ์ ผมสงสัยว่าการกู้เหล่านี้ ผ่านการอนุมัติได้อย่างไร? ทั้งที่ผู้กู้มีภาระอื่น เช่น สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่แล้ว..." และ "นอกจานี้ยังมีนายหน้าสินเชื่อที่ไม่สุจริต ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้การกู้เงินจำนวนมาก แก่ผู้มีรายได้น้อยด้วย" และ "ผมเองมีเพียงสินเชื่อบ้านที่กู้เมื่อสิบปีก่อน และ ผมรู้สึกโล่งใจที่มูลค่าบ้านเพิ่มขึ้นเกือบ 80%"

     "เอ. เควิน" วัย 30 กว่าปี กล่าวว่า "แม้ผมจะใช้ชีวิตอย่างประหยัด แต่การผ่อนชำระหนี้ กลับกินสัดส่วนเกือบ 90% ของรายได้เดือนละ 6,500 ริงกิต!!" และ "ในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์ รายได้ส่วนหนึ่งต้องนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน และ ซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ" และ "ผมตั้งใจเรียนจนจบปริญญา แต่กลับรู้สึกว่ากำลังใช้ชีวิตเหมือน ผู้มีรายได้น้อย" และ "โชคดีที่รายได้ของเมีย ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้!!"

     สำนักงานให้คำปรึกษาด้านเครดิตและการจัดการหนี้ ของธนาคารกลางมาเลเซีย ได้ออกมากล่าวว่า "หนี้บัตรเครดิตยังคงเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้ประชาชนจำนวนมาก ไม่สามารถรับมือกับภาระทางการเงินได้" และ "นับตั้งแต่ปี 2006 มีชาวมาเลเซียกว่า 1.4 ล้านคน เข้ารับความช่วยเหลือจากธนาคารของเรา เพื่อจัดการและฟื้นฟูสถานะหนี้สิน"

     กระทรวงการคลังของมาเลเซีย กล่าวว่า "ณ เดือนกันยายน 2025 หนี้บัตรเครดิตและหนี้ BNPL ของครัวเรือนมาเลเซียรวมกันสูงถึง 54.9 พันล้านริงกิต ซึ่งสะท้อนถึงการพึ่งพาเครดิตระยะสั้น เพื่อรับมือค่าใช้จ่ายประจำวัน"

     เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ ระหว่างการอภิปรายร่างงบประมาณปี 2026 ในวุฒิสภา วุฒิสมาชิก "ดาโต๊ะ ศิวราช จันทราน" กล่าวว่า "มาเลเซียมีคดีล้มละลายเฉลี่ยวันละ 18 ราย โดยเกือบ 60% เป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี" และ "ระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2025 มีชาวมาเลเซียถูกประกาศล้มละลาย 4,875 ราย เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024" และ "71.6% ของผู้ล้มละลายมีหนี้ระหว่าง 500,000 ถึง 1 ล้านริงกิต และ อีก 20.6% มีหนี้ระหว่าง 100,000 ถึง 500,000 ริงกิต" และ "สิ่งที่เกิดขึ้น มันตรงกันข้ามกับความเชื่อทั่วไป สาเหตุหลักไม่ได้มาจากสินเชื่อบ้านหรือธุรกิจ แต่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลและหนี้บัตรเครดิต ซึ่งคิดเป็น 45.1% ของคดีล้มละลายทั้งหมด"

     นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส "โมห์ด อัฟซานิซัม อับดุล ราชิด" กล่าวว่า "ธนาคารใช้ระบบข้อมูลเครดิตกลางเป็นหลัก โดยให้ความสำคัญกับประวัติการชำระหนี้ย้อนหลัง 12 เดือน" และ "หากมีการค้างชำระ คะแนนเครดิตจะลดลง และ ยิ่งคะแนนต่ำ โอกาสอนุมัติก็ยิ่งน้อยที่สุดอาจถูกปฏิเสธทันที" และ "ปัจจัยทั้งหมดนี้มีผลต่อคะแนนเครดิต ผู้ที่มีหนี้สะสมสูงอยู่แล้ว แทบไม่มีโอกาสได้รับสินเชื่อใหม่ และ การยื่นขอเพิ่มเติมมักจะถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง"

อ้างอิง : https://asianews.network/18-bankruptcies-recorded-in-malaysia-each-day/