ช็อกยูกันดา! ผล DNA พลิกชีวิต พ่อกว่า 98% พบ "ไม่ใช่ลูกแท้ๆ" (วิกฤตครอบครัว)

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศยูกันดาได้เกิดปรากฏการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนในสถาบันครอบครัว เมื่อเทคโนโลยีการตรวจพิสูจน์ DNA ได้รับความนิยมและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ตามมาคือการค้นพบความจริงอันน่าตกใจที่ทำลายหัวใจของชายหลายคน: ลูกที่พวกเขาเลี้ยงดูมานั้นไม่ใช่สายเลือดของตัวเอง 

รายงานจากสำนักข่าวเอพี (Associated Press) เปิดเผยข้อมูลจากห้องปฏิบัติการที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทยยูกันดา ซึ่งปกติแล้วจะรับผิดชอบการตรวจตามคำสั่งศาล แต่ในช่วงหลัง มีชายจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เดินทางมาขอตรวจ DNA เพื่อเปรียบเทียบกับบุตรของตนเองด้วยความสมัครใจ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าเหลือเชื่อและน่าเศร้าอย่างยิ่ง โดยมีผู้ชายที่เข้ารับการตรวจมากกว่า 98% พบว่าเด็กไม่ใช่ลูกของตนเอง

นายไซมอน ปีเตอร์ มุนเดยี (Simon Peter Mundeyi) โฆษกกระทรวงมหาดไทย ถึงกับออกโรงเตือนว่า "เว้นแต่คุณจะมีหัวใจที่แข็งแกร่งจริง ๆ ก็ไม่แนะนำให้มาตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ลูก" อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่จะรู้ความจริงของผู้ชายเหล่านี้ก็ไม่ได้ลดลงเลย 

ปัจจุบัน ทั่วประเทศยูกันดาเริ่มมีห้องปฏิบัติการตรวจ DNA ผุดขึ้นมากมาย และมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ ถึงขนาดที่ว่าโฆษณาชักชวนให้มาเปรียบเทียบ DNA สามารถพบได้ที่หน้าต่างด้านหลังของรถแท็กซี่ในกรุงกัมปาลา เมืองหลวงของประเทศ

กระแสการถูกนอกใจ นี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดกรณีตัวอย่างที่เผยแพร่ในวงกว้าง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับเรื่องมรดกและการเรียกร้องค่าเลี้ยงดูหลังการหย่าร้าง ตัวอย่างเช่น กรณีของนักวิชาการผู้มั่งคั่งในกรุงกัมปาลา ที่ผลตรวจ DNA ตามคำสั่งศาลเปิดเผยว่า ในบรรดาบุตรทั้ง 3 คนของเขามี 1 คนที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ 

แม้แต่ในเมืองเล็ก ๆ อย่างนาบูมาลี (Nabumali) นายโมเสส คูโทอิ (Moses Kutoi) หัวหน้าเผ่า ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีของเมือง เผยว่า แม้ชายส่วนใหญ่ในพื้นที่นี้จะไม่มีกำลังจ่ายค่าตรวจ DNA ที่ราคาสูงถึง 200 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,270 บาท) แต่ "การนอกใจ" ก็ยังคงพัดเข้าสู่ท้องถิ่น สร้างความตึงเครียดและข้อพิพาทภายในครอบครัว

เมื่อมีคู่สามีภรรยาที่ทะเลาะกันเรื่องลูกมาหาเขา นายคูโทอิจะใช้อารมณ์ขันในการคลี่คลายสถานการณ์ โดยกล่าวติดตลกถึงตัวเองว่า "ผมก็ไม่ได้หน้าตาเหมือนพ่อของผมนะ" และชี้ให้เห็นว่าแม้เขาจะไม่ได้มีใบหน้าที่เหมือนพ่อ แต่เขาก็ยังคงสามารถสืบทอดตำแหน่งและเป็นผู้นำเผ่าได้ 

ในเมืองมบาเล (Mbale) บาทหลวงแอนดรูว์ มูเต็งกู (Andrew Mutengu) จากโบสถ์ท้องถิ่นกล่าวว่า ปัญหาที่เขาต้องช่วยไกล่เกลี่ยให้กับลูกวัดกว่า 800 คนนั้น มักวนเวียนอยู่กับความขัดแย้งเรื่องสายเลือดความเป็นพ่อแม่ลูก และเขาเชื่อว่าหากค่าใช้จ่ายในการตรวจ DNA ลดลง จะมีผู้ชายจำนวนมากในพื้นที่แห่กันไปตรวจอย่างแน่นอน

การแพร่หลายของเทคโนโลยี DNA ในยูกันดาได้กลายเป็นดาบสองคม มันนำมาซึ่งความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ก็ทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่ไว้บนความเชื่อใจและรากฐานของครอบครัวหลายพันครอบครัว ผลการตรวจที่ช็อกโลกนี้กำลังส่งสัญญาณเตือนถึงวิกฤตความสัมพันธ์ในสังคมยูกันดา และกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงอย่างจริงจังเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ในชีวิตคู่และความหมายของการเป็น "พ่อ" อย่างแท้จริง